เอเอฟพี - กลุ่มกบฏมุสลิมหลักของฟิลิปปินส์ มีแผนจัดตั้งพรรคการเมือง เพื่อเตรียมตัวลงสู้ศึกเลือกตั้งในปี 2016 หัวหน้าทีมเจรจาสันติภาพของกลุ่มกบฏเปิดเผยวันจันทร์(27)
แนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร(The Moro Islamic Liberation Front) ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงในปี 2003 ยอมยุติข้อเรียกร้องของเป็นเอกราชจากแผ่นดินใหญ่ แลกกับอำนาจทางการเมืองและการควบคุมจัดการทรัพยากรมากขึ้น ในพื้นที่ซึ่งพวกเขาเสนอขอจัดตั้งเป็นเขตปกครองของตนเองในภาคใต้ฟิลิปปินส์
"ตอนนี้เรายังไม่ได้จัดตั้งพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการ แต่เราอยู่ระหว่างดำเนินการปรึกษาหารือในหมู่สมาชิกของเรา" โมฮาเกอร์ อักบาล หัวหน้าทีมเจรจาสันติภาพของกลุ่มกบฏแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร(เอ็มไอแอลเอฟ) บอกกับเอเอฟพี อย่างไรก็ตามเขาบอกว่าพรรคที่เตรียมจัดตั้งขึ้นนี้จะลงชิงชัยหลังจากจัดตั้งเขตปกครองตนเองมุสลิมแล้วเท่านั้น
ด้านนายเมเรซิตา เดเลส หัวหน้าทีมเจรจาสันติภาพของรัฐบาล ยกย่องความเคลื่อนไหวของแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร โดบระบุว่าแนวร่วมกลุ่มนี้มั่นคงในกระบวนการสันติภาพและแสดงถึงพันธสัญญาทางประชาธิปไตยที่ทางกลุ่มเคยให้คำมั่นไว้เป็นอย่างดี ขณะที่โฆษกของประธานาธิบดีเบนิโญ อากีโน ระบุรัฐบาลเองก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งต่อแผนจัดตั้งพรรคการเมืองของแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร สำหรับสู้ศึกเลือกตั้งในปี 2016
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสันติภาพที่มีเป้าหมายจัดตั้งเขตปกครองตนเองสำหรับชนกลุ่มน้อยมุสลิมในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศ ก่อนสิ้นสุดวาระของประธานาธิบดีอากีโนในปี 2016 อย่างไรก็ตามทั้งโฆษกประธานาธิบดีและหัวหน้าทีมเจรจาสันติภาพของรัฐบาล ยอมรับถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีการคืนสู่โต๊ะเจรจาเมื่อไหร่ ขณะที่เสันตายของรัฐบาลสำหรับจัดทำร่างเขตปกครองตนเองก็ใกล้เข้ามาทุกที
แนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโรมีสมาชิกติดอาวุธราว 12,000 คน และรัฐบาลเสนอคลี่คลายทุกประเด็นที่คั่งค้างและหวังมีความคืบหน้าในข้อตกลงบันทึกสันติภาพก่อนศึกเลือกตั้งกลางเทอมเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ทั้งสองฝ่ายก็ล้มเหลวไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทันกรอบเวลาที่วางเอาไว้
ทั้งนั้แม้ว่าจะมีการลงนามข้อตกลงสันติภาพขั้นสุดท้ายแล้ว แต่ก็ยังเหลืออีกหลายขั้นตอน โดยเบื้องต้นสภาจำเป็นต้องผ่านร่างกฎหมายและอนุมัติมันก่อนสิ้นปี 2014 จากนั้นก็จะมีการลงคะแนนชี้ขาดโดยประชาชนในพื้นที่ต่างๆที่มีการเสนอจัดตั้งเป็นเขตปกครองตนเอง
ความขัดแย้งที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ต้นยุคทศวรรษที่ 1970 คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วราวๆ 150,000 ศพ อย่างไรก็ตามการตายส่วนใหญ่ล้วนเกืดขึ้นในช่วงทศวรรษนั้น ขณะที่ข้อตกลงหยุดยิงเมื่อ 10 ปีก่อน สามารถบรรเทาเหตุความรุนแรงไปได้มาก