เมื่อช่วงบ่ายของวันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นของมลรัฐโอคลาโฮมาในสหรัฐฯ ได้เกิดเหตุพายุทอร์นาโดลูกใหญ่พัดถล่ม จนก่อให้เกิดภาพความเสียหายอันย่อยยับน่าสะเทือนใจ และกลายเป็นข่าวดังไปทั่วทุกมุมโลก
สื่อสำนักต่างๆในสหรัฐฯขนานนามเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นว่า“The 2013 Moore tornado” หลังเกิดพายุทอร์นาโดลูกใหญ่ซึ่งมีความเร็วลมที่ศูนย์กลางสูงสุดถึงกว่า 340 กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือกว่า 210 ไมล์ต่อชั่วโมงพัดถล่มเมืองขนาดกลางที่มีชื่อว่า “มัวร์” ในเขตปกครองคลีฟแลนด์ เคาน์ตี มลรัฐโอคลาโฮมา จนสร้างความเสียหายอย่างยับเยินให้กับอาคารบ้านเรือน ร้านค้า โรงเรียน และรถจำนวนมากภายในระยะเวลาเพียงไม่ถึง 50 นาทีเท่านั้น
พายุลูกนี้เข้าโจมตีเมืองมัวร์ที่มีประชาชนอาศัยอยู่ราว 55,000 คนอย่างรุนแรง โดยที่เมืองแห่งนี้เคยตกเป็นเหยื่อจากการถูกทอร์นาโดถล่มครั้งใหญ่มาแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคม 1999 ซึ่งในคราวนั้นพายุที่พัดถล่มเมือง มัวร์ถูกบันทึกไว้ว่า มีความเร็วลมสูงสุดที่ศูนย์กลางถึง 496 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเท่าที่เคยวัดได้ทั่วโลก
ในช่วงแรก รายงานข่าวของสื่อทั่วโลกระบุตรงกันว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมพายุทอร์นาโดพัดถล่มสหรัฐฯคราวนี้อาจสูงกว่า 90 ราย แม้ในเวลาต่อมา จะมีการประกาศตัวเลขความสูญเสียอย่างเป็นทางการว่าจำนวนเหยื่อทอร์นาโดครั้งนี้มีอย่างน้อย 24 ราย รวมถึงเด็ก 9 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 240 คน นับเป็นภัยพิบัติจากพายุทอร์นาโดที่ร้ายแรงที่สุดของเมืองลุงแซม นับตั้งแต่เหตุพายุทอร์นาโดพัดถล่มเมืองจ็อปลิน ในมลรัฐมิสซูรีเมื่อปี 2011 ที่ทำให้มีผู้สังเวยชีวิตในครั้งนั้นถึง 158 ราย
ข้อมูลสำคัญที่มีการเผยแพร่ออกมา หลังการพัดถล่มของทอร์นาโด ในพื้นที่แถบชานเมืองโอคลาโฮมา ซิตีในครั้งนี้ระบุว่า พายุทอร์นาโดที่เกิดขึ้นจัดเป็นทอร์นาโดในระดับสูงสุด ที่มีความเร็วลมที่ศูนย์กลางมากกว่า 322 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป หรือที่เรียกกันว่า “ EF5”ตามมาตราวัดในระบบ “Enhanced Fujita scale ”ซึ่งเป็นมาตราวัดความเสียหายจากทอร์นาโดที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยเท็ตสึยะ ธีโอดอร์ ฟูจิตะ อดีตนักวิจัยพายุผู้ล่วงลับชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่น แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโกเมื่อปี ค.ศ. 1971
ขณะที่แมรี ฟอลลิน ผู้ว่าการรัฐโอคลาโฮมาออกมายอมรับว่าทอร์นาโดที่พัดถล่มเมืองมัวร์ และหลายท้องที่ในมลรัฐของเธอเมื่อต้นสัปดาห์มีรัศมีแผ่กว้างกว่า 2.1 กิโลเมตรในขณะเคลื่อนตัวเข้าโจมตี และสร้างความเสียหายคิดเป็นวงเงินระหว่าง 1,500 ล้านดอลลาร์ ถึง 3,000 ล้านดอลลาร์
ส่วนประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯออกประกาศภาวะภัยพิบัติร้ายแรงในโอคลาโฮมา พร้อมสั่งหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลกลางอเมริกันให้ความช่วยเหลือแก่รัฐดังกล่าวอย่างเร่งด่วนและเรียกร้องชาวอเมริกันทั่วประเทศร่วมยืนหยัดเพื่อช่วยเหลือและให้กำลังใจประชาชนผู้ประสบเคราะห์กรรมครั้งนี้
ด้านข้อมูลจากศูนย์พยากรณ์พายุและสภาพอากาศแห่งชาติของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้สังกัดของสำนักงานบริหารชั้นบรรยากาศและมหาสมุทรแห่งชาติ (NOAA) ออกมาเปิดเผยว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปี 2013 เป็นต้นมา ได้เกิดพายุทอร์นาโดพัดถล่มพื้นที่ต่างๆของสหรัฐฯแล้วไม่ต่ำกว่า 278 ลูก เป็นเหตุให้มีผู้ที่ต้องสังเวยชีวิตไปอย่างน้อย 35 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ 24 ราย เป็นผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมทอร์นาโดพัดถล่มที่เมืองมัวร์ มลรัฐโอคลาโฮมา นอกจากนั้น ทอร์นาโดที่เกิดขึ้นล่าสุดในรัฐดังกล่าว ยังถือเป็นทอร์นาโดในระดับ “ EF5” ลูกแรกของปีนี้อีกด้วย
ดังนั้น จึงไม่ผิดนักหากจะสรุปว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติจากการพัดถล่มของพายุทอร์นาโดที่เกิดขึ้นล่าสุด ในมลรัฐโอคลาโฮมาของสหรัฐฯเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ตอกย้ำให้มนุษย์เราตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ซึ่งมนุษย์ไม่อาจจะเอาชนะได้แม้มนุษย์จะพยายามทุกวิถีทางแล้วเพื่อปราบธรรมชาติมาโดยตลอด และแน่นอนว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับชาวเมืองมัวร์จะไม่ใช่ภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ หากพวกเรายังไม่หยุดทำร้ายธรรมชาติและหันมาเคารพสิ่งที่อยู่รอบตัวเราให้มากกว่าที่เป็นอยู่