รอยเตอร์ - กลุ่มติดอาวุธตอลิบานก่อเหตุโจมตีครั้งใหญ่ที่สำนักงานเครือข่ายองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ใจกลางกรุงคาบูล วานนี้ (24) และเกิดการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงอัฟกันนานกว่า 5 ชั่วโมง
เสียงระดมยิงปืนกล, จรวดอาร์พีจี และปืนของสไนเปอร์ดังสนั่นไปทั่วใจกลางเมืองในช่วงค่ำวานนี้(24) ก่อให้เกิดควันสีดำปกคลุมเหนือท้องฟ้าเมืองหลวงอัฟกัน ผลการปะทะทำให้ตำรวจอัฟกันเสียชีวิต 1 นาย และมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 10 คน
การโจมตีครั้งนี้เริ่มขึ้นเมื่อเวลาราว 16.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (18.30 น.ตามเวลาในไทย) โดยคนร้ายได้กดระเบิดรถยนต์ที่หน้าอาคารสำนักงานองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (ไอโอเอ็ม) ซึ่งเป็นหน่วยงานเครือข่ายของ ยูเอ็น ในอัฟกานิสถาน
เมื่อ 8 วันที่แล้วเพิ่งจะเกิดเหตุระเบิดรถยนต์ในกรุงคาบูล ซึ่งสังหารทหารและพลเรือนอเมริกันไป 6 ราย และชาวอัฟกันอีก 9 ราย
กลุ่มตอลิบานซึ่งก่อวินาศกรรมเพื่อขับไล่ทหารนานาชาติ และต้องการจัดตั้งรัฐบาลอิสลามิสต์ปกครองอัฟกานิสถาน ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีเมื่อวานนี้ (24) แล้ว โดยระบุว่า ฝ่ายตนได้โจมตีอาคารที่สำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ใช้เป็น “บ้านพัก”
หลังจากเสียงระเบิดรถยนต์ดังขึ้น กลุ่มติดอาวุธตอลิบานได้เปิดฉากยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ความมั่นคง โดยฝ่ายตอลิบานถูกยิงเสียชีวิตไป 2 ราย ส่วนอีก 3-4 รายวิ่งเข้าไปหลบในอาคารซึ่งไร้ผู้อยู่อาศัยตรงข้ามกับสำนักงานไอโอเอ็ม และยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่อัฟกันซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหน่วยรบพิเศษนอร์เวย์
เอดูอาร์โด เดล บูเอย์ โฆษกยูเอ็น แถลงต่อสื่อมวลชนที่นครนิวยอร์กว่า “ผลของการโจมตีทำให้เจ้าหน้าที่ไอโอเอ็ม 3 ราย และเจ้าหน้าที่องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) อีก 1 ราย ได้รับบาดเจ็บ”
เหตุโจมตีในลักษณะนี้ยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลว่า กองกำลังความมั่นคงอัฟกัน 352,000 นายจะสามารถรับมือกับภัยคุกคามของกลุ่มติดอาวุธได้หรือไม่ หลังจากที่ทหารนาโตถอนกำลังออกไปในช่วงสิ้นปี 2014
การก่อวินาศกรรมสังหารพลเรือน, เจ้าหน้าที่รัฐบาล และกองกำลังความมั่นคงอัฟกันเริ่มเกิดถี่ขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ตอลิบานประกาศเริ่มต้นปฏิบัติการต่อสู้ในฤดูใบไม้ผลิ เมื่อเดือนที่แล้ว
ซาบิฮุลเลาะห์ มุญาฮิด โฆษกตอลิบาน ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับรอยเตอร์ว่า ปฏิบัติการของตอลิบานเมื่อวานนี้ (24) มีเป้าหมายอยู่ที่บ้านพักของซีไอเอ และดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องการก่อเหตุวินาศกรรมครั้งใหญ่เพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลประธานาธิบดี ฮามิด คาร์ไซ รวมถึงต่างชาติที่ให้การสนับสนุนคาบูล