เอเอฟพี - ค่ายรถชั้นนำจากอเมริกา ฟอร์ด ประกาศจะเลิกใช้ออสเตรเลียเป็นฐานการผลิตในปี 2016 ซึ่งมีผลให้ต้องปลดพนักงานออกราว 1,200 ตำแหน่ง หลังจากที่เริ่มผลิตรถคันแรกในแดนจิงโจ้ตั้งแต่ปี 1925
บ็อบ กราเซียโน ผู้บริหาร ฟอร์ด ออสเตรเลีย ประกาศปิดฐานการผลิตในออสเตรเลียในอีก 3 ปีข้างหน้า หลังบริษัทมีผลประกอบการขาดทุนหลังหักภาษีสูงถึง 141,00,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียในปีงบประมาณล่าสุด
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ฟอร์ด ออสเตรเลีย ประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก คิดเป็นวงเงินรวมกว่า 600,000,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย
“น่าเสียใจที่เราจำเป็นต้องปิดฐานการผลิตรถยนต์ที่นี่ในเดือนตุลาคม ปี 2016 และด้วยเหตุนี้ การว่าจ้างพนักงานราว 1,200 ตำแหน่งที่โรงงานเหล่านั้นจึงไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป” กราเซียโน เผย พร้อมอธิบายสาเหตุที่ต้องปิดโรงงานลงว่า เกิดจากการผลิตรถยนต์ในท้องถิ่น “เผชิญอุปสรรคท้าทายในแง่ของตลาด ทั้งการแตกตัวของตลาด (market fragmentation) และต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น”
ฟอร์ด จะปิดโรงงานผลิตรถยนต์ในเมือง บรอดเมโดว์ และ กีลอง ในรัฐวิกตอเรีย ซึ่งจะมีผลให้พนักงานทั้งหมดถูกลอยแพโดยอัตโนมัติ
“เราทราบดีว่าประกาศครั้งนี้สร้างความลำบากใจต่อทุกฝ่าย โดยเฉพาะพนักงาน... การให้ความช่วยเหลือต่อพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการปิดโรงงานคือสิ่งที่เราจะให้ความสำคัญในช่วง 3 ปีที่เหลือนี้” ซีอีโอ ฟอร์ด ระบุ
แม้จะปิดสายการผลิตไป ทว่า ฟอร์ด จะยังคงประกอบธุรกิจในออสเตรเลียในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ ซึ่งจะมีการจ้างแรงงานประมาณ 1,500 คน
อุตสาหกรรมรถยนต์แดนจิงโจ้ได้รับผลกระทบจากปัญหาค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเกือบ 2 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้การส่งออกซบเซา และต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
แม้เศรษฐกิจออสเตรเลียจะไม่ถดถอยในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินโลก ทว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็ตกต่ำลงจนไม่อาจกลับไปสู่ช่วงก่อนวิกฤตได้ และมีผลทำให้ตลาดรถยนต์ซบเซาลงเช่นกัน
