เอเจนซีส์ - นักวิจัยชี้จำนวนวัยรุ่นชาวอเมริกัน13% - 20% ต่อปี ประสบปัญหาป่วยด้านสุขภาพจิต
นักวิจัย รูธ เปโร แห่งศูนย์ศึกษาความผิดปกติแต่กำเนิดและการพัฒนาลักษณะความพิการในเด็ก ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) เผยว่า ความผิดปกติทางจิตที่พบในเด็กอเมริกันถือเป็นความเบี่ยงเบนขั้นรุนแรงที่มีผลต่อการพัฒนาทางด้านอารมณ์ สังคม และ ความคิด
ความผิดปกติทางจิตนี้กลายเป็นประเด็นด้านสาธารณสุขที่มีความสำคัญในสหรัฐฯ เพราะมีผลกระทบอย่างมากต่อทั้งตัวเด็ก ครอบครัวของเด็ก รวมไปถึงชุมชนที่เด็กอาศัยอยู่ และทำให้รัฐต้องใช้งบประมาณถึง 247,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี (ราว 7.36 ล้านล้านบาท) ในเรื่องนี้ นักวิจัยเปโรและเพื่อนร่วมทีมวิจัยเผย
นอกจากนี้ ข้อมูลเมื่อปี 2010 พบว่าการฆ่าตัวตายซึ่งเป็นผลมาจากความผิดปกติทางจิต กลายเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของเยาวชนในสหรัฐฯที่มีอายุระหว่าง 12-17ปีมากเป็นอันดับที่ 2
ขณะเดียวกัน เกือบ 7 % ในเด็กอายุ 3-17 ปีในสหรัฐฯ มีปัญหาสมาธิสั้น หรือไม่เช่นนั้นก็ชอบแสดงออกมากเกินไปหรือที่เรียกว่า “ไฮเปอร์” และตามด้วย 3.5% มีปัญหาด้านพฤติกรรม ส่วนราว3% มีปัญหาด้านวิตกกังวล
ข้อมูลยังพบว่า 2.1% ของเด็กและเยาวชนในสหรัฐฯมีปัญหาเครียดหรือซึมเศร้า ส่วนอีก1.1% เป็นออทิสติก และ 0.2 % มีอาการกระตุกซ้ำๆของกล้ามเนื้อขณะพูดหรือทำกิจกรรมต่างๆ
ในช่วงปีที่ผ่านมา ประมาณ 4.7 % ของวัยรุ่นอเมริกันในช่วงอายุระหว่าง12-17 ปี ยังมีรายงานการใช้สารเสพติด ขณะที่4.2 % มีอาการผิดปกติทางจิตที่มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับการดื่มสุรา และอีก2.8 % กลายเป็นผู้ที่ต้องพึ่งบุหรี่ในชีวิตประจำวัน
ทั้งนี้ ผลการศึกษาชิ้นนี้ได้รับการตีพิมพ์ในส่วนแนบท้ายของรายงานประจำสัปดาห์ว่าด้วย “การเจ็บป่วยและการเสียชีวิต” หรือ MMWRของซีดีซี ซึ่งมีฐานอยู่ในมลรัฐจอร์เจีย