เอเอฟพี - ไซโคลนมหาเสน ซัดขึ้นฝั่งบังกลาเทศแล้วเมื่อวันพฤหัสบดี (16) คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 14 ศพ และอีกนับล้านต้องอพยพ อย่างไรก็ตาม ความกังวลต่อความเสียหายล้างผลาญเบาบางลงไป เหตุพายุลูกนี้อ่อนกำลังลงเหนือผืนดิน
นอกจากนี้แล้ว เจ้าหน้าที่บังกลาเทศยังพบศพชาวมุสลิมโรฮิงญาจากพม่า ประเทศเพื่อนบ้านอีก 22 ศพ โดยคนเหล่านี้สูญหายนับตั้งแต่เกิดเหตุเรืออัปปางกลางทะเลระหว่างหลบหนีพายุที่กำลังคืบคลานเข้ามาเมื่อวันจันทร์ (13) ขณะที่อีก 31 คนที่ยังสูญหาย คาดหมายว่าน่าจะถูดซัดไปติดตามชายฝั่งต่างๆ
โมฮัมหมัด อาซัด เมีย ผู้บังคับการตำรวจค็อกซ์บาซาบอกกับเอเอฟพีว่าศพเหล่านั้น ที่ในนั้นมีเด็ก 14 คน และสตรี 6 คนรวมอยู่ด้วย ถูกพบบนชายหาดแห่งหนึ่งใกล้ชายแดนพม่าและเมื่อดูจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ สันนิษฐานเบื้องต้นว่าศพเหล่านี้น่าจะเป็นชาวโรฮิงญาที่สูญหาย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่บังกลาเทศก็เบาใจลงไป หลังไซโคลนมหาเสนซึ่งมีกำลังลมถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตอนที่ซัดเข้าแถบชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ได้สูญเสียพละกำลังลงไปหลังจากขึ้นฝั่ง
“เราโชคดีมาก” ชัมซุดดิน อาห์เมด รองผู้อำนวยการกรมอุตุนิยมวิทยาของบังกลาเทศกล่าว พร้อมระบุว่าไซโคลนลูกนี้ไม่รุนแรงอย่างที่คาดและตอนนี้ได้อ่อนแรงลงกลายเป็นพายุดีเปรสชันระหว่างมุ่งหน้าไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย
กระนั้นก็ดี นูรูล อามิน คณะกรรมาธิการจังหวัดบอกว่ามีชาวบ้านอย่างน้อย 14 คนเสียชีวิตจากเหตุจมน้ำและถูกต้นไม้หักโค่นลงมาทับ ขณะที่เจ้าหน้าที่รายอื่นเสริมว่าบ้านเรือนราษฎรที่สร้างจากโคลน สังกะสีและฟาง หลายหมื่นหลังต่างพังพินาศจากพายุฝนและน้ำไหลบ่า
ส่วนโมฮัมมัด อับดุลเลาะห์ ผู้บริการเขตจิตตะกองบอกว่ามีประชาชนนับล้านที่ต้องอพยพไปพักอาศัยตามศูนย์พักพิงที่มีอยู่กว่า 3,000 แห่งตามโรงเรียนและวิทยาลัยต่างๆ โดยเฉพาะแค่ในจิตตะกอง ก็ต้องรับมือผู้อพยพกว่า 600,000 คน แต่ตอนนี้ส่วนใหญ่ได้เดินทางกลับบ้านแล้ว ขณะที่มาห์มูด อาลี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อขาวจากเมืองหลวง คุยว่ายอดผู้เสียชีวิตจำนวนเล็กน้อย เกิดจากการเตรียมการที่ดีของภาครัฐ “จำนวนผู้เสียชีวิตมีน้อยเพราะการเตรียมการที่ดีของเรา”
ฝนและลมกระโชกแรงยังซัดกระหน่ำชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของพม่า อันเป็นที่ตั้งค่ายพักพิงของชาวมุสลิมโรฮิงญาหลายหมื่นคน อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศรอดพ้นความเกรี้ยวกราดของพายุลูกนี้ ทั้งนี้ ชาวโรฮิงญาส่วนใหญ่ปฏิเสธอพยพ สะท้อนถึงความไม่เชื่อถือต่อกองกำลังความมั่นคงและชาวพุทธท้องถิ่น หลังเกิดความรุนแรงระหว่างกันเมื่อปีก่อน