“เรชมา เบกุม” สาวน้อยเหยื่อโรงงานถล่มในบังกลาเทศเผยรอดชีวิตเพราะ “ลืมทานข้าวเช้า”

เอเจนซีส์ - เรชมา เบกุม หญิงสาวผู้รอดชีวิตจากเหตุโรงงานถล่มในบังกลาเทศ เล่าถึงประสบการณ์สุดทรมานที่ต้องอาศัยเพียงบิสกิตห่อเล็กๆและน้ำดื่มเป็นเครื่องประทังชีวิตตลอด17 วันที่ติดอยู่ใต้ซากอาคาร ก่อนที่หน่วยกู้ภัยจะช่วยเธอออกมาได้โดยไม่พบอาการบาดเจ็บรุนแรงใดๆ

เบกุม วัย 19 ปี เล่าว่า วันที่โรงงานถล่ม เธอรีบออกจากบ้านไปทำงานโดยไม่ได้รับประทานอาหารเช้า ระหว่างทางเธอได้ซื้อบิสกิต 4 ห่อเล็กๆเพื่อนำไปทานระหว่างทำงาน และสิ่งนี้เองได้ช่วยชีวิตเธอไว้ ระหว่างที่เธอต้องติดอยู่ใต้ซากคอนกรีตนานกว่า 2 สัปดาห์ โดยไม่สามารถสื่อสารกับโลกภายนอกได้เลย

สถานีโทรทัศน์บังกลาเทศถ่ายทอดสดปฏิบัติการช่วยชีวิตสาวน้อย ซึ่งทำให้คนทั้งเมืองหลวงต้องยุติภารกิจต่างๆชั่วคราว เพื่อมาเฝ้าดูการช่วยเหลือหญิงสาวผู้รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์

เบกุม บอกกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลและหน่วยกู้ภัยที่ช่วยเหลือเธอเมื่อวานนี้(11)ว่า ตลอด 15 วันแรกที่เธอซุกตัวอยู่ในโพรงใต้ซากอาคาร รานา พลาซา เธอได้รับประทานบิสกิตและน้ำดื่มขวด ซึ่งน่าจะเป็นน้ำที่หน่วยกู้ภัยบังกลาเทศหย่อนลงไปตามช่องและโพรงต่างๆทุกแห่ง ด้วยความหวังว่าเหยื่อที่ติดอยู่ภายในอาจจะใช้ดื่มประทังชีวิตได้

เรชมา ซึ่งอาศัยอยู่ตัวคนเดียวในห้องเช่าเล็กๆ เล่าว่า ขณะอาคารถล่มเธอวิ่งหนีจากชั้น 3 ลงไปจนถึงชั้น 2 ก่อนจะติดอยู่ในโพรงซึ่งกว้างพอจะขยับเนื้อขยับตัวได้บ้าง และมีอากาศให้หายใจ

เบกุม ซึ่งพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทหารร่วมในเมืองซาวาร์ เผยด้วยว่า “ฉันได้ยินเสียงหน่วยกู้ภัยมานานหลายวัน ฉันพยายามเอาไม้และเหล็กมาทุบซากตึกหวังว่าพวกเขาจะได้ยิน... แต่ก็ไม่มีใครได้ยินฉันเลย ฉันกลัวมาก ไม่คิดว่าจะได้เห็นแสงตะวันอีกแล้ว”

“ใกล้ๆตัวฉันมีอาหารแห้งอยู่ ฉันทยอยทานของพวกนั้นตลอด 15 วัน แต่ช่วง 2 วันสุดท้ายฉันไม่ได้ทานอะไรเลยนอกจากน้ำ และต้องดื่มครั้งละนิดหน่อยเพื่อประหยัด”

สาวเย็บผ้ารายนี้ยังคงมีอาการนอนไม่หลับ บ่อยครั้งที่เธอผวาจนเผลอคว้าข้อมือพยาบาลมากำไว้แน่น

พันเอก อาซิซูร์ ราห์มาน แพทย์ทหารประจำโรงพยาบาล ให้สัมภาษณ์ว่า “เราไม่อยากให้ความทรงจำอันน่าหวาดกลัวตามหลอกหลอนเธออีก เพราะฉะนั้นจึงไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปซักถามอะไรทั้งสิ้น”

“ระหว่างนี้ ยังต้องให้เธอรับประทานอาหารชนิดกึ่งเหลวไปก่อน”

โซไบดา เบกุม มารดาวัย 60 ปีของ เรชมา เอ่ยด้วยความตื้นตันใจว่า ครอบครัวของเธอเฝ้าดูปฏิบัติการช่วยชีวิตผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์ด้วย

“ฉันแทบไม่อยากเชื่อเมื่อเห็นว่าลูกยังมีชีวิตอยู่... เราได้เธอคืนมา ทั้งที่หมดหวังไปแล้ว”

ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุอาคารถล่มในบังกลาเทศพุ่งเกินกว่า 1,100 ศพแล้ว ขณะที่รัฐบาลธากาก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักที่ไม่ควบคุมการก่อสร้างอาคารและอุตสาหกรรมสิ่งทอให้ได้มาตรฐานเพียงพอ