รอยเตอร์ - โครงการขีปนาวุธและนิวเคลียร์ที่เดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง อาจทำให้เกาหลีเหนือมีพิษสงถึงขั้นใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีแผ่นดินสหรัฐฯ ได้ในที่สุด รายงานจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุวานนี้ (2)
รายงานผลการประเมินประจำปีของเพนตากอนชี้ว่า หากขีปนาวุธแตโปดอง-2 ของเกาหลีเหนือได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป ก็จะสามารถนำระเบิดนิวเคลียร์มาโจมตีแผ่นดินบางส่วนของสหรัฐฯได้ในอนาคต
เพนตากอนระบุว่า การที่เกาหลีเหนือส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศได้สำเร็จเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว นับเป็นความก้าวหน้าที่จะเกื้อหนุนโครงการพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลได้เป็นอย่างดี
รัฐบาลเปียงยางยังปรับปรุงประสิทธิภาพของอาวุธนิวเคลียร์ที่มีในครอบครองอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากการทดลองระเบิดครั้งที่ 3 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และยังมีศักยภาพพอที่จะทำการทดลองครั้งต่อๆ ไป “เมื่อใดก็ได้”
“ระบบขับเคลื่อนขีปนาวุธที่ก้าวหน้า เมื่อผนวกกับเทคโนโลยีด้านนิวเคลียร์ จะทำให้เกาหลีเหนือใกล้บรรลุจุดประสงค์ที่จะโจมตีสหรัฐฯ” รายงานของเพนตากอนระบุ
“หากเกาหลีเหนือยังไม่เลิกทดลองและอุทิศทรัพยากรที่มีอยู่น้อยนิดไปเพื่อโครงการเหล่านี้ พวกเขาจะเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นทุกที ซึ่งเท่ากับเป็นภัยคุกคามต่อกองกำลังสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรในภูมิภาคนั้นด้วย”
รายงานของเพนตากอนจัดให้เกาหลีเหนืออยู่ในข่ายศัตรูที่เป็นภัยร้ายแรงที่สุดของสหรัฐฯ โดยพิจารณาจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์, ประวัติการส่งออกเทคโนโลยีด้านอาวุธแก่ประเทศอื่น รวมถึงเจตนารมณ์ของโสมแดงที่จะ “แสดงพฤติกรรมยั่วยุและบ่อนทำลาย”
เกาหลีเหนือเคยทำข้อตกลงยุติกิจกรรมนิวเคลียร์เพื่อแลกกับความช่วยเหลือด้านอาหารในปี 2005 แต่ไม่นานก็กลับคำพูด และทุกวันนี้พวกเขาก็ยืนยันว่าจะไม่ละทิ้งการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่างแน่นอน
สหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะรับรองเกาหลีเหนือเป็นหนึ่งในประเทศผู้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ (nuclear-armed state) และพยายามใช้วิธีทางการทูตโน้มน้าวให้จีนช่วยป้องปรามเพื่อนบ้านคอมมิวนิสต์