เอเจนซีส์ - ทนายความของนักศึกษา 3 คนที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของมือระเบิด “บอสตัน มาราธอน” ซึ่งถูกสหรัฐฯ ตั้งข้อหาขัดขวางการสืบสวนสอบสวน ด้วยการพยายามทำลายหลักฐานและให้การเท็จเพื่อช่วยเหลือผู้ก่อเหตุ ยืนยันลูกความไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ ต่อการก่อการครั้งนี้
ทางการสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันพุธ (1) ว่า ผู้ต้องหา 3 คนซึ่งประกอบด้วยนักศึกษา 2 คนจากคาซัคสถาน และพลเมืองอเมริกันอีก 1 คนนั้น เป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยของโซการ์ ซาร์เนฟ วัย 19 ปี ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุระเบิดในการแข่งขันวิ่งมาราธอนเมืองบอสตัน เมื่อวันที่ 15 เดือนที่แล้ว ที่เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 264 คน
เอกสารคำฟ้องอย่างเป็นทางการที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เผยแพร่ออกมาระบุว่า 3 วันภายหลังเหตุระเบิด ชายหนุ่มทั้งสามได้ช่วยกันพยายามปิดบังความผิดของเพื่อน ในระหว่างที่สำนักงานสอบสวนกลางกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) กำลังเผยแพร่ภาพผู้ต้องสงสัยเป็นมือระเบิด รวมทั้งขอประชาชนช่วยให้เบาะแส ตลอดจนดำเนินการไล่ล่าอย่างสุดฤทธิ์ที่แทบจะเป็นการปิดเมืองบอสตันหนึ่งวันเต็มๆ
เจ้าหน้าที่ตั้งข้อหาอาซามัต ทาซายาคอฟ และดิแอส คาดีร์บาเยฟ ชาวคาซัคสถานอายุ 19 ปีทั้งคู่ ว่าสมรู้ร่วมคิดขัดขวางกระบวนการยุติธรรมด้วยการนำเป้บรรจุดอกไม้ไฟที่พบในหอพักของซาเนฟไปทิ้ง ส่วนโรเบล ฟิลิพอส ซึ่งมีสัญชาติอเมริกันและอยู่ในวัย 19 ปีเช่นกัน ถูกตั้งข้อหาให้การเท็จ
ในการปรากฏตัวในศาลครั้งแรกเมื่อวันพุธ ผู้ต้องหาทั้งสามไม่ได้ยื่นคำแก้ฟ้อง แต่ทนายความของคาดีร์บาเยฟปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยระบุว่า ลูกความของตนไม่รู้แต่แรกว่า ซาร์เนฟเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด
ซาร์เนฟ นักศึกษามหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ วิทยาเขตดาร์ตมัธ ถูกควบคุมตัวอยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บจากการยิงต่อสู้กับตำรวจ ซึ่งพี่ชายของเขา ทาเมอร์ลัน เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว
จากข้อหาความผิดของคาดีร์บาเยฟและทาซายาคอฟ พวกเขามีสิทธิ์ถูกจำคุกสูงสุด 5 ปี ขณะที่สำหรับฟิลิพอส โทษสูงสุดคือ 8 ปี โดยขณะนี้ทั้งสามคนถูกตำรวจศาลควบคุมตัว เนื่องจากอัยการ สเตฟานี ซิกแมนน์ เห็นว่ามีความเสี่ยงสูงที่พวกเขาจะหลบหนี
ทางด้านทนายความระบุว่า ผู้ต้องหาทั้งสามตื่นตกใจที่รู้ว่า คนที่พวกเขารู้จักเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดบอสตัน มาราธอน
ทั้งนี้ คาดีร์บาเยฟและทาซายาคอฟเดินทางเข้าอเมริกาด้วยวีซ่านักศึกษา และอาศัยอยู่ที่เมืองนิวเบดฟอร์ด รัฐแมสซาชูเซตส์ ส่วนฟิลิพอสอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ มลรัฐเดียวกัน
เอกสารคำฟ้องระบุว่า ก่อนเหตุระเบิดหนึ่งเดือน ซาร์เนฟบอกคาดีร์บาเบฟและทาซายาคอฟระหว่างนั่งกินอาหารด้วยกันว่า เขารู้วิธีทำระเบิด
ต่อมาในวันที่ 18 เมษายน หรือหลังเหตุระเบิด 3 วัน ทางการได้เผยแพร่ภาพชาย 2 คนที่ถูกระบุว่า เป็นผู้ต้องสงสัยวางระเบิด แต่ยังไม่สามารถระบุชื่อได้ และขอให้ประชาชนที่พบเห็นช่วยให้เบาะแส
ผู้ต้องหาทั้งสามจำได้ทันทีว่าหนึ่งในผู้ต้องสงสัยคือเพื่อนร่วมชั้นของพวกเขา หลังจากนั้น คาดีร์บาเยฟได้ส่งข้อความถึงซาร์เนฟ บอกว่าเขาหน้าตาเหมือนผู้ต้องสงสัย และเจ้าตัวตอบกลับมาว่า “lol (หัวเราะเสียงดัง)” และ “อย่าส่งข้อความมาอีก” ซาร์เนฟยังบอกว่า เขาจะไม่กลับไปที่หอพักอีก และอนุญาตให้ทั้งสามนำข้าวของส่วนตัวของเขาที่ต้องการไปได้
คืนนั้นผู้ต้องหาทั้งสามจึงไปที่ห้องพักของซาร์เนฟ และเพื่อนร่วมห้องบอกว่า ซาร์เนฟไม่อยู่ ทั้งสามนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องนั้นพักหนึ่งก่อนที่จะพบท่อใส่ดอกไม้เพลิงเปล่า ซึ่งทำให้ทาซายาคอฟเริ่มเชื่อว่า ซาร์เนฟเกี่ยวข้องกับการวางระเบิด พวกเขาจึงตัดสินใจนำเป้ ดอกไม้ไฟ และแล็ปท็อปของซาร์เนฟไปด้วยเพื่อให้ “เพื่อนไม่ต้องมีปัญหา”
วันรุ่งขึ้นเมื่อรู้ข่าวว่า ตำรวจกำลังตามล่าซาร์เนฟและพี่ชาย คาดีร์บาเยฟจึงนำเป้พร้อมท่อใส่ดอกไม้ไฟไปทิ้งถังขยะใกล้อพาร์ตเมนท์ที่พัก ซึ่งเจ้าหน้าที่สอบสวนไปค้นหาจนพบเมื่อวันที่ 26 เดือนที่แล้วในสถานที่ฝังกลบของนิวเบดฟอร์ด
ทว่า ในการให้ปากคำกับตำรวจครั้งแรก ฟิลิพอสกลับปฏิเสธว่าไม่ได้ไปที่ห้องพักของซาร์เนฟเมื่อวันที่ 18 แต่ในการสอบปากคำครั้งที่ 4 ในอีก 8 วันต่อมา เขาสารภาพความจริง