เอเอฟพี - กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ วานนี้ (1พ.ค.) ได้ตั้งข้อหานักศึกษาวัย 19 ปี 3 คน เป็นชาวคาซัคสถาน 2 คน และอเมริกัน 1 คน ฐานปกปิดผู้ก่อเหตุวางระเบิดบอสตัน ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากตำรวจแถลงจับกุมผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติมอีก 3 คนในความเกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมระหว่างการแข่งขันมาราธอน ซึ่งคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไป 3 รายและบาดเจ็บกว่า 260 คน
นายดิอาส กาดีร์บาเยฟ และนายอาซามัต ทาซายาคอฟ ถูกตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดทำลายแล็ปท็อปและกระเป๋าเป้บรรจุพลุไฟของผู้ต้องสงสัยวางระเบิด ส่วนนายโรเบล ฟิลลิปอส ถูกตั้งข้อหาให้ข้อมูลเท็จต่อเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่า นายกาดีร์บาเยฟ และนายทาซายาคอฟ ชาวคาซัคสถาน ที่พำนักในสหรัฐฯ ด้วยวีซ่านักศึกษา มีสิทธิ์ต้องโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี และปรับเงิน 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนนายฟิลลิปอสอาจโดนโทษจำคุกสูงสุด 8 ปีและปรับเงินเท่ากัน
ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง ตำรวจสหรัฐฯ แถลงว่าได้ดำเนินการจับกุมผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติมอีก 3 คน ส่วนหนึ่งในการสืบสวนคดีวางระเบิดโจมตีบอสตันมาราธอน “มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยในคดีวางระเบิดมาราธอน เพิ่มเติมอีก 3 คน แต่รายละเอียดจะเปิดเผยเพิ่มเติมในภายหลัง” กรมตำรวจบอสตันระบุในทวิตเตอร์
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่วัน ตามหลังการย้ายตัวนายโซการ์ ซาร์เนฟ วัย 19 ปี หนึ่งในสองผู้ต้องสงสัยเชื้อสายเชเชน ออกจากโรงพยาบาลไปยังศูนย์การแพทย์ดีเว่นส์ในศูนย์กักกัน หลังจากเขาถูกตั้งข้อหาใช้อาวุธอานุภาพทำลายล้างสังหารผู้คน ขณะที่นายทาเมอร์ลัน ซาร์เนฟ พี่ชายของเขาถูกวิสามัญฆาตกรรมระหว่างปฏิบัติการปิดเมืองไล่ล่าเมื่อวันที่ 18 เมษายน
ทั้งสองคนถูกกล่าวหาว่าจุดชนวนระเบิดหม้อต้มอัดความดันที่ซุกซ่อนไว้ในเป้สะพายใกล้เส้นชัยของการแข่งขันบอสตันมาราธอนเมื่อวันที่ 15 เมษายน นอกจากนี้ทั้งคู่ยังถูกกล่าวหาว่ายิงตำรวจนายหนึ่งเสียชีวิตระหว่างหลบหนีด้วย
เบื้องต้นสำนักข่าวบอสตันโกลบรายงานว่า เหล่าผู้ต้องสงสัยชุดใหม่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีส่วนช่วยเหลือนายโซการ์ หลังจากเขาลงมือโจมตี ส่วนสำนักข่าวเอ็นบีซีรายงานว่าผู้ต้องสงสัยชุดล่าสุด ถูกกล่าวหาว่าให้ความช่วยเหลือรวบรวมข้าวของของเจ้าตัวจากห้องพักภายในมหาวิทยาลัยให้แก่นายโซการ์ และบางทีอาจพยายามโกหกเจ้าหน้าที่ด้วย
เวลานี้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กำลังสืบสวนกรณีที่นายทาเมอร์ลัน เคยเดินทางไปยังภูมิภาคคอเคซัสเหนือ ของรัสเซีย และใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นช่วงหนึ่ง และรายงานข่าวกรองระบุว่าช่วงเวลาดังกล่าวนี้เองที่เขาเริ่มมีศรัทธาต่อศาสนาอิสลามในมุมมองหัวรุนแรงยิ่งขึ้น แต่จากการสืบสวนไม่พบข้อบ่งชี้ว่าพวกเขาได้เข้าร่วมกับพวกหัวรุนแรงกลุ่มใด
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เผยว่า แม่ของสองพี่น้องตระกูลซาร์เนฟ ต้องสงสัยว่าอยู่เบื้องหลังแนวคิดหัวรุนแรงของทั้งคู่ โดยเวลานี้เธออยู่ระหว่างเดินทางถิ่นฐานที่แคว้นดาเกสถานของรัสเซีย และปฏิเสธว่าลูกชายของเธอไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับเหตุระเบิด
ขณะเดียวกัน ตำรวจยังได้ค้นบ้านของนางแคเทอรีน รัสเซลล์ ภรรยาหม้ายวัย 24 ปีของนายทาเมอร์ลัน หลังจากตรวจพบดีเอ็นเอของผู้หญิงบนเศษซากของหม้อต้มอัดความดันที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ
