เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ประธานาธิบดีฮวน เอโบ โมราเลส อัยมา หรือ “เอโบ โมราเลส” แห่งโบลิเวีย ประกาศขับเจ้าหน้าที่ทั้งหมดของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา (USAID) ออกนอกประเทศโดยกล่าวหาว่าหน่วยงานดังกล่าวกระทำการแทรกแซงกิจการภายในของโบลิเวีย ถือเป็นความตึงเครียดครั้งใหม่ระหว่างรัฐบาลลา ปาซ กับรัฐบาลวอชิงตัน ดี.ซี.
รายงานข่าวระบุว่า ประธานาธิบดีโมราเลส วัย 53 ปี ซึ่งก้าวขึ้นครองอำนาจในฐานะผู้นำของโบลิเวียมาตั้งแต่ต้นปี 2006 ได้กล่าวเมื่อวันพุธ (1) ที่จตุรัส “ปลาซา เด อาร์มาส” ในกรุงลา ปาซว่า การเข้ามาขององค์กร USAID ในโบลิเวียนั้นมีจุดประสงค์ทางการเมืองแฝงเร้นอยู่ หาใช่เป็นการเข้ามาเพื่อทำหน้าที่ด้านสังคมและการพัฒนาแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี ผู้นำนิยมซ้ายของโบลิเวียรายนี้ ไม่เปิดเผยรายละเอียดว่า เจ้าหน้าที่ของ USAID ได้แทรกแซงกิจการภายในของโบลิเวียด้วยวิธีการเช่นใดและเมื่อใด แต่การตัดสินใจของโมราเลสในครั้งนี้ส่งผลให้ USAID ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1961 และเริ่มเข้ามาดำเนินกิจกรรมในโบลิเวียตั้งแต่ปี 1964 ต้องยุติบทบาทของตน ในดินแดนที่ได้ชื่อว่า ยากจนข้นแค้นที่สุดของทวีปอเมริกาใต้แห่งนี้ลงอย่างสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2008 โมราเลสเคยสั่งขับเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานปราบรามยาเสพติดสหรัฐฯ (ดีอีเอ) ออกนอกประเทศมาแล้ว โดยผู้นำโบลิเวียกล่าวหาว่าทั้งหมดมีพฤติกรรมเข้าข่ายแทรกแซงกิจการภายใน ส่งผลให้สหรัฐฯตอบโต้กลับด้วยการสั่งขับทูตโบลิเวียประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ออกนอกประเทศ พร้อมประกาศยุติการให้สิทธิพิเศษทางการค้าแก่โบลิเวีย
ด้านแพทริค เวนเทรลล์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงในวันพุธ(1)โดยยืนยันว่า สหรัฐฯขอปฏิเสธข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอยของผู้นำโบลิเวียอย่างสิ้นเชิง โดยย้ำว่า USAID มีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือชาวโบลิเวียให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการเมืองภายในของโบลิเวีย พร้อมระบุ สหรัฐฯผิดหวังต่อการตัดสินใจล่าสุดของรัฐบาลโบลิเวีย
