xs
xsm
sm
md
lg

มกุฎราชกุมารดัตช์เสด็จขึ้นครองราชย์เป็น “พระราชาธิบดี” แห่งเนเธอร์แลนด์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ทรงลงพระปรมาภิไธยสละราชสมบัติแก่เจ้าชาย วิลเลม-อเล็กซานเดอร์ พระราชโอรสองค์ใหญ่ ซึ่งทรงเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งเนเธอร์แลนด์พระองค์แรกในรอบ 123 ปี
เอเอฟพี - สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์ ทรงลงพระปรมาภิไธยสละราชสมบัติเมื่อเวลา 10.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 15.00 น.ที่ผ่านมาตามเวลาในไทย วันนี้ (30) มีผลให้มกุฎราชกุมาร วิลเลม-อเล็กซานเดอร์ พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ ทรงมีสถานะเป็นพระราชาธิบดีองค์แรกของเนเธอร์แลนด์ในรอบ 123 ปี และยังทรงเป็นกษัตริย์ที่พระชนมายุน้อยที่สุดในยุโรป ขณะที่พลเมืองดัตช์ตระเตรียมพิธีเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในโทนสีส้มอันเป็นสีประจำชาติ

สมเด็จพระราชินีนาถเสด็จฯ มายังห้องพิธีการภายในพระราชวังกรุงอัมสเตอร์ดัม พร้อมด้วยมกุฏราชกุมารและพระชายา ก่อนที่จะทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชบัญญัติสละราชสมบัติ ซึ่งมีใจความสำคัญว่า “ข้าพเจ้า สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ ขอสละราชสมบัติให้แก่ วิลเลม-อเล็กซานเดอร์ พระราชโอรสของข้าพเจ้า”

ประชาชนราว 25,000 คนซึ่งชมการถ่ายทอดสดพระราชพิธีสละราชสมบัติที่ จตุรัส แดม สแควร์ ต่างเปล่งเสียงแซ่ซ้องยินดี โดยบ้างคนถึงกับตะโกนว่า “ขอบคุณ เบีย” ซึ่งหมายถึงพระนามลำลองของสมเด็จพระราชินีนาถที่ชาวดัตช์เรียกขานด้วยความรักใคร่

สมเด็จพระราชาธิบดี วิลเลม-อเล็กซานเดอร์ พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินีแม็กซิมา และพระราชธิดาทั้ง 3 พระองค์ ทรงเป็นสักขีพยานในพระราชพิธีครั้งประวัติศาสตร์นี้ โดยเจ้าหญิง คาธารินา-อามาเลีย พระชันษา 9 ปี ซึ่งเป็นพระราชธิดาองค์ใหญ่ บัดนี้ทรงมีพระอิสริยยศเป็น “เจ้าหญิงแห่งออเรนจ์” แทนที่สมเด็จพระบิดา

พระราชพิธีสืบราชสมบัติของสมเด็จพระราชาธิบดี วิลเลม-อเล็กซานเดอร์ มีผู้แทนราชวงศ์ต่างแดนทั้งในยุโรปและเอเชียเกือบ 20 ประเทศ เสด็จมาร่วมพิธี อาทิ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารแห่งสหราชอาณาจักร, เจ้าฟ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น รวมถึงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเสด็จฯพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปในการพระราชพิธีครั้งนี้ด้วย

รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ได้มีหนังสือทูลเชิญเฉพาะเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงที่ยังไม่เสด็จฯขึ้นครองราชย์เท่านั้น อันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในพระราชพิธีสืบสันตติวงศ์ของเนเธอร์แลนด์

สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ พระชนมายุ 75 พรรษา ทรงตัดสินพระทัยสละราชสมบัติแก่พระราชโอรส เช่นเดียวกับที่สมเด็จพระราชินีนาถยูเลียนาทรงกระทำเมื่อ 33 ปีก่อน โดยการผลัดแผ่นดินในปีนี้ยังมีความหมายพิเศษสำหรับชาวดัตช์ เนื่องจากเป็นปีที่ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์สถาปนาครบ 200 ปีอีกด้วย

แขกผู้มาเยือนราว 800,000 คนเดินทางจากทุกสารทิศเข้ามาจับจองพื้นที่ริมถนนและแม่น้ำในกรุงอัมสเตอร์ดัม เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของวันประวัติศาสตร์ที่สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ทรงปิดฉากรัชสมัยที่ยาวนานถึง 33 ปีของพระองค์ และทรงส่งมอบพระราชภารกิจทั้งหลายแก่พระราชโอรส

เวลา 14.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น เจ้าชายวิลเลม-อเล็กซานเดอร์ จะทรงประกอบพิธีสาบานตนแทนการสวมมงกุฎ ณ มหาวิหาร Nieuwe Kerk อายุ 600 ปี ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพระราชวังหลวง โดยมีบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาร่วมเป็นสักขีพยาน

จากนั้นในช่วงค่ำ พสกนิกรชาวดัตช์จะร่วมกันขับร้องเพลง Koningslied ซึ่งเป็นเพลงสดุดีพระเกียรติคุณของกษัตริย์ ก่อนที่สมเด็จพระราชาธิบดีพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์จะประทับเรือพระที่นั่งในกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคกลางอ่าวไอย์ (IJ)

ประชาชนทยอยเดินทางมาจับจองพื้นที่บริเวณจัตุรัสแดมสแควร์ ตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา โดยต่างหวังจะได้ชื่นชมพระบารมีของกษัตริย์พระองค์ใหม่ และพระราชินีแม็กซิมาซึ่งทรงเป็นชาวอาร์เจนตินาโดยกำเนิด ขณะที่ชาวดัตช์อีกไม่น้อยมาในเครื่องแต่งกายสำหรับงานปาร์ตี พร้อมชูมือโบกธงชาติเนเธอร์แลนด์อย่างคึกคัก

“เรามาจองที่นานหลายชั่วโมงแล้ว เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้เห็นระเบียงมุขที่เสด็จออกอย่างชัดเจน” อีดิธ วัย 22 ปี ซึ่งชวนเพื่อนมาจองพื้นที่ตั้งแต่เวลา 5.00 น. กล่าว

ตำรวจกว่า 10,000 นายปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในกรุงอัมสเตอร์ดัม และมีการใช้สุนัขตำรวจตรวจหาวัตถุระเบิดบริเวณจัตุรัสแดมสแควร์ เพื่อความปลอดภัยของพลเมืองกว่า 25,000 คนที่มาเฝ้าฯ รอรับเสด็จ

สมเด็จพระราชาธิบดี วิลเลม-อเล็กซานเดอร์ เคยพระราชทานสัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนว่า ทรงมีพระประสงค์แรงกล้าที่จะสืบทอดสถาบันกษัตริย์ดัตช์ที่ยืนยงมานานถึง 200 ปีแล้ว แต่ขณะเดียวกันก็จะทรงเป็นกษัตริย์ในศตวรรษที่ 21 ที่ประชาชนสามารถ “เข้าถึงได้”

“ประการแรก ข้าพเจ้าจะเป็นพระมหากษัตริย์ตามโบราณราชประเพณี จะสืบทอดธรรมเนียมของบูรพกษัตริย์ซึ่งทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งความต่อเนื่อง และเสถียรภาพของชาติ”

“ประชาชนจะเรียกข้าพเจ้าเช่นใดก็สุดแล้วแต่ เพราะนั่นจะทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจมากกว่า”

เจ้าชายทรงเน้นด้วยว่า กษัตริย์มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของปวงชน และทรงพร้อมที่จะรับบทบาทใดๆ ก็ตามที่รัฐสภามอบหมาย ทรงตั้งพระทัยที่จะเป็น “กษัตริย์ผู้หลอมรวมสังคมให้เป็นหนึ่ง โดยเป็นตัวแทนและเป็นแรงบันดาลใจแก่สังคมในศตวรรษที่ 21”






กำลังโหลดความคิดเห็น