เอเจนซี - ราคาน้ำมันดิบวานนี้ (26) ขยับลงเล็กน้อย หลังข้อมูลทางเศรษฐกิจอเมริกาเตือนให้นักลงทุนจับตาแนวโน้มการเติบโตของชาติผู้บริโภครายใหญ่แห่งนี้ ปัจจัยดังกล่าวฉุดให้วอลล์สตรีทปิดในกรอบแคบๆ ส่วนทองคำลงพอประมาณ หลังเยอรมนีชี้ธนาคารกลางยุโรปควรขึ้นดอกเบี้ย
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 64 เซ็นต์ ปิดที่ 93.00 ดอลลาร์ ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 25 เซ็นต์ ปิดที่ 103.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แม้น้ำมันดิบเบรนท์จะทำสถิติเป็นสัปดาห์ราคาขยับขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2012 แต่ราคาก็ยังต่ำกว่าช่วงเริ่มต้นเดือนเมษายนถึงร้อยละ 6 อันเป็นผลมาจากความผิดหวังต่อตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ จีน และเยอรมนี ที่ก่อความวิตกว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว
ในวันศุกร์ (26) ราคาน้ำมันยังถูกซ้ำเติมจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ที่เผยว่าเศรษฐกิจของประเทศช่วงไตรมาสแรกของปี 2013 ขยายตัวเพียงร้อยละ 2.5 น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะอยู่ราวๆ ร้อยละ 3.0
ตัวเลขดังกล่าวจุดชนวนความกังวลลุกลามต่อไปอีกว่าภาวะเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสองอาจเข้าสู่ภาวะชะลอตัว และปัจจัยนี้ประกอบกับรายงานผลประกอบการอันผสมผสานของบริษัทต่าง ก็ฉุดให้ตลาดหุ้นสหัฐฯ วานนี้ (26) ปิดในกรอบแคบๆ เท่านั้น
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 11.75 จุด (0.08 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,712.55 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 2.92 จุด (0.18 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,582.24 จุด ส่วนแนสแดค ลดลง 10.72 จุด (0.33 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,279.27 จุด
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก Briefing. ระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นเครื่องยืนยันแก่นักลงทุนเป็นอย่างดีว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คงจะไม่กระชับมตรการผ่อนคลายทางการเงินเชิงปริมาณในอนาคตอันใกล้นี้
ด้านราคาทองคำวันศุกร์ (26) ขยับลงพอสมควร หลังนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี บ่งชี้ว่าธนาคารกลางยุโรป อาจจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อเบอร์ลิน ขณะที่ประเทศของเธอต้องจัดเตรียมกองทุนช่วยเหลือสำหรับชาติสมาชิกยูโรโซนที่กำลังมีปัญหาทางการเงิน โดยทองคำตลาดโคเมกซ์ของสหรัฐฯ ลดลง 8.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,453.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์