เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียเผยในวันพฤหัสบดี (25) โดยแสดงความหวังว่า โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นที่นครบอสตันของสหรัฐฯ เมื่อ 10 วันก่อนจะช่วยส่งผลให้เกิดความร่วมมือที่ใกล้ชิดกันมากขึ้นระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ ในการต่อสู้กับภัยคุกคามอันน่าสะพรึงกลัวจากการก่อการร้าย
ปูติน วัย 60 ปี กล่าวระหว่างออกรายการสดทางโทรทัศน์ในกรุงมอสโก โดยระบุว่าถึงเวลาแล้วที่รัสเซียและสหรัฐฯจะต้องหันมาร่วมมือซึ่งกันและกันในระดับที่ลึกซึ้งกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อหาทางหยุดยั้งภัยคุกคามต่างๆ ที่ทั้ง 2 ประเทศเผชิญร่วมกัน พร้อมย้ำว่ารัสเซียเองก็ตกเป็น “เหยื่อ” ของขบวนการก่อการร้ายข้ามชาติเช่นเดียวกัน
ท่าทีล่าสุดของผู้นำรัสเซียมีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลมอสโกเพิ่งเปิดไฟเขียว อนุญาตให้เจ้าหน้าที่จากสำนักงานสืบสวนสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ของสหรัฐฯ เดินทางมายังสาธารณรัฐดาเกสถานของรัสเซียได้ เพื่อสอบปากคำพ่อและแม่ของทาเมอร์ลันและโชคาร์ ซาร์นาเยฟ สองผู้ต้องสงสัยเชื้อสายเชชเนีย ที่เชื่อว่าอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดโจมตีระหว่างการแข่งขันวิ่งระยะไกลในรายการ “บอสตัน มาราธอน”
รายงานข่าวระบุว่า นายและนางซาร์นาเยฟซึ่งเป็นชาวเชชเนีย แต่ปัจจุบันย้ายไปอาศัยอยู่ในดาเกสถาน ได้ถูกเจ้าหน้าที่ของเอฟบีไอสอบปากคำแล้วเกี่ยวกับพฤติกรรมของบุตรชายทั้ง 2 คนของพวกเขาโดยทางเอฟบีไอซึ่งได้รับอนุญาตจากรัฐบาลรัสเซียเป็นกรณีพิเศษได้เดินทางลงพื้นที่สาธารณรัฐดาเกสถาน พร้อมกับเจ้าหน้าที่สถานทูตอเมริกันในกรุงมอสโกตั้งแต่เมื่อวันอังคาร (23) ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เหตุโจมตีด้วยระเบิดจำนวน 2 ชุดซึ่งถูกควบคุมด้วย “รีโมต” เมื่อ 15 เมษายนที่ผ่านมา ระหว่างการแข่งขันบอสตัน มาราธอน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายขณะที่จำนวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมีเกือบ 300 คน
