เอเจนซี/เอเอฟพี - องค์การอนามัยโลก (World Health Organization หรือ WHO) แถลงยืนยันในวันพุธ (17) ว่า ผู้ที่ถูกตรวจพบเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่เอช7เอ็น9 ในประเทศจีนนั้น มีอยู่จำนวนหนึ่งไม่มีประวัติว่าได้ไปสัมผัสกับสัตว์ปีกใดๆ นับเป็นการเพิ่มเติมปริศนาความลี้ลับให้แก่ไวรัสนี้ซึ่งจวบจนถึงเวลานี้ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 16 ราย
โฆษกขององค์การอนามัยโลก เกรกอรี ฮาร์เทิล ยืนยันเรื่องนี้ในอีเมลของเขา ภายหลังจากหนังสือพิมพ์เป่ยจิง นิวส์ ของจีนรายงานในวันพุธ โดยอ้างคำพูดของ เจิ้ง กวง (Zeng Guang) หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ผู้รับผิดชอบด้านวิทยาการระบาด ของศูนย์กลางป้องกันและควบคุมโรคแห่งประเทศจีน (CDPCC) ซึ่งระบุว่า ประมาณ 40% ของผู้ที่ถูกตรวจพบว่ามีเชื้อไวรัสเอช7เอ็น9 เป็นพวกที่ไม่มีประวัติอันชัดเจนว่าได้เคยสัมผัสกับสัตว์ปีกใดๆ
ฮาร์เทิลกล่าวในอีเมลของเขาว่า “เรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในปริศนาลี้ลับที่ยังคงต้องคลี่คลายหาคำอธิบายกันต่อไป และดังนั้น มันจึงเป็นเหตุผลรองรับให้ต้องดำเนินเครือข่ายการสืบสวนโรคอย่างกว้างขวาง” แต่เขาระบุด้วยว่า ตนเองไม่ทราบอัตราส่วนอันแน่นอนของผู้มีเชื้อที่ไม่เคยมีประวัติสัมผัสสัตว์ปีก
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกแถลงไว้ตั้งแต่วันอังคารว่า จะจัดส่งทีมผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศในเรื่องไข้หวัดใหญ่ เดินทางไปยังจีนในสัปดาห์นี้ เพื่อช่วยเหลือในเรื่องการสืบสวนโรค
ก่อนหน้านี้ทางการจีนเตือนว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งพบในมนุษย์นี้ อาจเพิ่มขึ้นอีกจากในปัจจุบันซึ่งมีทั้งสิ้น 77 ราย โดยตามรายงานของสำนักข่าวซินหวาของทางการจีนเมื่อวันอังคาร (16) นั้น เหยื่อที่ล้มป่วยรายล่าสุดมาจากนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นสถานที่พบผู้ป่วยมากรายที่สุดในเวลานี้
ทางด้านองค์การสุขภาพสัตว์แห่งโลก (World Animal Health Organization หรือ OIE) ระบุในเว็บไซต์ของตนว่า จีนยังได้รายงานต่อ OIE ว่า พบการระบาดในพื้นที่ใหม่ๆ อีก 3 แห่ง รวมกับพื้นที่เดิมซึ่งเคยแจ้งแล้วก็เป็น 11 แห่ง
สำหรับต้นตอที่มาอันชัดเจนของการติดเชื้อเอช7เอ็น9 นี้ ยังไม่เป็นที่ทราบกัน และองค์การอนามัยบอกว่ายังไม่มีกรณีที่ยืนยันอย่างแน่นอนว่ามีการติดเชื้อไวรัสนี้จากคนสู่คน
ในส่วนขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (UN's Food and Agricultural Organization หรือ FAO) แถลงว่า ไวรัสไข้หวัดนกเอช7เอ็น9 นี้ “มีความสัมพันธ์อันใกล้ชัด” กับคน ขณะที่กลับก่อให้เกิด “อาการในระดับเบาบางมากหรือกระทั่งไม่มีเชื้อเลย” ในสัตว์ปีกที่ได้รับไวรัสนี้ จึงยิ่งทำให้การค้นหาแหล่งต้นตอของการติดเชื้อทำได้ยากลำบากขึ้นไปอีก
มีรายงานว่าทางการจีน และ FAO เพ่งเล็งความสนใจไปยังตัวอย่างที่ตรวจสอบพบว่าเป็นบวก ซึ่งได้มาจากตลาดค้าสัตว์ปีกบางแห่ง
นับจากที่ข่าวการระบาดของเชื้อไวรัสเอช7เอ็น9 ระลอกนี้แพร่กระจายออกมาเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ภาคอุตสาหกรรมสัตว์ปีกของจีนได้รับความเสียหายแล้วคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านหยวน (ราว 48,400 ล้านบาท) ทั้งนี้ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สมาคมอุตสาหกรรมสัตว์ปีกแห่งชาติของจีนเมื่อวันอังคาร
ทางการผู้รับผิดชอบของแดนมังกรได้ฆ่าสัตว์ปีกไปนับหมื่นๆ ตัวแล้ว และสั่งปิดตลาดค้าสัตว์ปีกในเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง ในความพยายามที่จะลดอัตราการติดเชื้อในคน
ก่อนหน้านี้ จีนแถลงเมื่อวันอาทิตย์(14)ว่า ไวรัสนี้ได้แพร่ออกมานอกเขตพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำหยางจื่อเจียง (แยงซีเกียง) ในภาคตะวันออกของแดนมังกรแล้ว โดยมีรายงานการพบผู้ป่วยทั้งในเมืองหลวงปักกิ่ง และในมณฑลเหอหนาน ทางภาคกลางของประเทศ
อย่างไรก็ดี ทางการจีนจัดแถลงข่าวในวันพุธว่า เด็กหญิงวัย 7 ขวบที่เป็นลูกของผู้ค้าสัตว์ในปักกิ่ง และถูกตรวจพบว่าติดเชื้อเอช7เอ็น9 สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ภายหลังรับการรักษาด้วยวิธีการแพทย์แผนตะวันตกผสมกับแผนจีนเป็นเวลา 7 วัน ขณะที่พ่อแม่ของเด็กน้อยซึ่งถูกกักตัวเพื่อติดตามโรค ก็ได้ออกจากโรงพยาบาลพร้อมกับลูกสาว