เทเลกราฟ/เอเอฟพี - ข่าวลือที่ว่าไซปรัสเตรียมขนทองคำสำรองออกขายเพื่อระดมทุนให้ได้ถึงเป้าหมายตามเงื่อนไขกู้เงิน ฉุดราคาทองคำวานนี้ (12) ดิ่งเหวกว่า 4 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ราคาน้ำมันและวอลล์สตรีทก็ขยับลง ตามแรงกดดันของความกังวลทางอุปสงค์กับตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ตามลำดับ
ราคาทองคำตลาดโคเมกซ์ของสหรัฐฯ ลดลง 63.50 ดอลลาร์ (4.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,501.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขยับลงจากที่เคยทะยานสู่สถิติสูงสุด 1,920.30 ดอลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเดือนกันยายน 2011 ราวๆ 22 เปอร์เซ็นต์แล้ว
ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำวานนี้ (12) เป็นผลจากรายงานข่าวที่ระบุว่าธนาคารกลางแห่งไซปรัส มีแผนนำทองคำสำรองบางส่วนออกขายหวังใช้สมบัติของชาติดังกล่าวระดมเงินทุนให้ได้ราว 400 ล้านยูโร (ประมาณ 15,000 ล้านบาท) เพื่อหาเงินมาชำระหนี้สินให้กับบรรดาเจ้าหนี้ต่างประเทศ รวมถึงจัดสรรเงินไปใช้ในการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจของชาติ
ข่าวดังกล่าวก่อความกังวลแก่นักลงทุนว่า ประเทศอื่นๆ ในยูโรโซนที่เกิดวิกฤตหนี้เหมือนกันอาจจะใช้วิธีนี้บ้าง จึงฉุดให้ราคาทองคำดิ่งลงอย่างหนัก
ด้านราคาน้ำมันวานนี้ (12) ปิดลบแรง ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มอุปสงค์ทางพลังงานในอนาคตที่ยังคงปกคลุมตลาดอยู่
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 2.22 ดอลลาร์ ปิดที่ 91.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.16 ดอลลาร์ ปิดที่ 103.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งกลุ่มโอเปก ทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) และสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานรัฐบาลสหรัฐฯ (อีไอเอ) ต่างปรับลดประมาณการณ์อุปสงค์พลังงานโลกของปี 2013 ลง โดยอ้างวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป "เหล่านักวิเคราะห์ประมาณการณ์ล้วนแต่มองภาพของอุปทานล้นตลาดและอุปสงค์อ่อนแอ" อังเดร คีร์ยูเชนคอฟ จากวีทีบี แคปิตอลกล่าว
ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (12) ขยับลงในกรอบแคบ หลังรายงานรัฐบาลอเมริกาเผยถึงตัวเลขค้าปลีกที่น่าผิดหวังประจำเดือนมีนาคม
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 0.08 จุด (0.00 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,865.06 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 4.15 จุด (0.28 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,588.86 จุด ส่วนแนสแดก ลดลง 5.21 จุด (0.16 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,294.95 จุด
การขยับลงของวอลล์สตรีท มีขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานว่าตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนมีนาคม ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ ร้อยละ 0.4 ขณะเดียวกันธุรกิจที่มียอดขายปลีกลดลงนั้นก็จัดอยู่ในกลุ่มหลักๆ ไม่ว่าจะเป็นภาครถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหาร เบียร์ การใช้จ่ายด้านสาธารณสุข รวมถึงน้ำมันเบนซิน
