เอเอฟพี - กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นได้รับคำสั่งจากรัฐบาลให้ยิงทำลายขีปนาวุธของเกาหลีเหนือทันทีหากรุกล้ำน่านฟ้า โฆษกกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นแถลง วันนี้ (8) หลังมีกระแสข่าวว่าเปียงยางจะยิงขีปนาวุธในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
อิตสุโนริ โอโนเดระ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น มีคำสั่งให้นำเรือพิฆาตเอจิสซึ่งติดตั้งขีปนาวุธสกัดกั้นออกลาดตระเวนในทะเลญี่ปุ่น เมื่อวานนี้ (7) ซึ่งถือเป็นภารกิจปกติ และกระทรวงกลาโหมก็ไม่ต้องการให้เป็นข่าวครึกโครม โฆษกกระทรวงระบุ
“จะไม่มีการเปิดแถลงข่าวในเรื่องนี้ เพราะรัฐบาลยึดถือนโยบายหลักว่าญี่ปุ่นจะไม่หวั่นไหวไปกับพฤติกรรมยั่วยุของเกาหลีเหนือ”
“หากเราประกาศคำสั่งนี้ออกไปพร้อมให้รายละเอียดด้วย ยุทธศาสตร์ของเราอาจล่วงรู้ไปถึงเกาหลีเหนือ”
คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นหลังเจ้าหน้าที่ความมั่นคงอาวุโสของเกาหลีใต้เอ่ยเตือนว่า เกาหลีเหนืออาจยิงขีปนาวุธภายในสัปดาห์นี้ ในขณะที่สหรัฐฯ ก็สั่งเลื่อนการทดสอบขีปนาวุธของฝ่ายตนออกไปก่อน เพราะไม่ต้องการเติมเชื้อไฟให้แก่สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีที่ตึงเครียดหนักอยู่แล้ว
คิม จาง-ซู ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย ระบุว่า การยิงขีปนาวุธหรือพฤติกรรมยั่วยุครั้งใหม่อาจเกิดขึ้นก่อนหรือหลังวันพุธที่ 10 เมษายน ซึ่งตรงกับกำหนดเส้นตายที่เกาหลีเหนือเตือนให้นักการทูตต่างชาติอพยพออกจากเปียงยาง
บทลงโทษจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) รวมถึงปฏิบัติการซ้อมรบประจำปีระหว่างสหรัฐฯกับเกาหลีใต้ในเดือนนี้ ทำให้โสมแดงเคืองแค้นหนักจนถึงกับขู่ทำสงครามนิวเคลียร์ และยังมีรายงานว่าสัปดาห์ที่แล้วเกาหลีเหนือเคลื่อนย้ายขีปนาวุธพิสัยกลางบนฐานยิงเคลื่อนที่ไปซุกซ่อนไว้ใกล้ชายฝั่งตะวันออกของประเทศ
สัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลโสมแดงส่งคำเตือนอพยพไปยังสถานทูตต่างๆในกรุงเปียงยาง โดยชี้ว่ารัฐบาลไม่สามารถรับรองความปลอดภัยให้ได้หลังวันที่ 10 เมษายน แต่ดูเหมือนนักการทูตส่วนใหญ่ยังไม่คิดหลบหนี และเพียงรอดูสถานการณ์อยู่เงียบๆ เท่านั้น
กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นเคยมีคำสั่งลักษณะนี้มาแล้ว 3 ครั้ง คือเมื่อเกาหลีเหนือทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ในปี 2009 และก่อนที่โสมแดงจะยิงจรวดพิสัยไกลในเดือนเมษายนและธันวาคมปี 2012 แต่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่โตเกียวออกคำสั่งป้องกันตนเองล่วงหน้า ทั้งที่เปียงยางยังไม่ได้ประกาศว่าจะยิงขีปนาวุธจริง
“แม้จะยังไม่มีความเป็นได้สูงนักที่เกาหลีเหนือจะโจมตีญี่ปุ่น แต่เราเห็นว่ามาตรการป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นเป็นสิ่งสมควร” แหล่งข่าวในรัฐบาลญี่ปุ่นให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวเกียวโด