เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - สำนักงานสถิติแห่งยุโรป หรือ “ยูโรสแตท” ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศลักเซมเบิร์ก เผยอัตราการว่างงานของบรรดาประเทศยูโรโซนหรือกลุ่ม 17 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็นเงินตราสกุลหลักได้พุ่งแตะระดับ 12 เปอร์เซ็นต์แล้วในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ถือเป็นตัวเลขการว่างงานที่ “สูงที่สุดในประวัติศาสตร์” นับตั้งแต่มีการใช้เงินยูโรใน ค.ศ. 1999 ส่งสัญญาณอนาคตของยุโรปยังมืดมนไม่อาจฟื้นตัวได้ง่าย และคาดว่าในปี 2013 นี้ เศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซนจะมีการ “หดตัว 0.3 เปอร์เซ็นต์” เป็นอย่างน้อย
รายงานข่าวเมื่อวันอังคาร (2) ซึ่งอ้างข้อมูลล่าสุดของยูโรสแตทระบุว่า อัตราการว่างงานของประชาชนใน 17 ประเทศกลุ่มยูโรโซนในเดือนกุมภาพันธ์ได้พุ่งสูงแตะระดับ 12 เปอร์เซ็นต์เป็นครั้งแรก นับแต่มีการประกาศใช้เงินยูโรในปี 1999 โดยจำนวนผู้ว่างงานในยูโรโซนล่าสุดมีไม่ต่ำกว่า 19.07 ล้านคน และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ตัวเลขคนว่างงานในเดือนกุมภาพันธ์ของกลุ่มยูโรโซน ยังมีจำนวนมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึงเกือบ “2 ล้านคน” โดยกรีซ และสเปน ถือเป็นสมาชิกยูโรโซนที่มีอัตราการว่างงานของประชาชนในประเทศสูงที่สุด คือ มากกว่า 26 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหมายความว่าขณะนี้ชาวกรีกและสเปนเกินกว่า 1 ใน 4 ของประเทศกลายสถานะเป็น “ผู้ที่ไม่มีงานทำ” ไปแล้ว
ส่วนเยอรมนีซึ่งได้ชื่อว่ามีขนาดของเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยูโรโซน มีอัตราการว่างงานอยู่ที่ 5.4 เปอร์เซ็นต์ในเดือนกุมภาพันธ์
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า สมาชิกยูโรโซนที่น่าเป็นห่วงที่สุดในเวลานี้ คือ ไซปรัส ที่ประสบภาวะล่มสลายของภาคธนาคารและมีหนี้สินล้นพ้นตัว เนื่องจากมีแนวโน้มว่าอัตราการว่างงานในไซปรัส อาจเพิ่มจาก 14 เปอร์เซ็นต์ในเดือนกุมภาพันธ์ไปสู่ระดับที่สูงลิ่วเช่นเดียวกับกรีซและสเปนในไม่ช้านี้ และคาดว่าเศรษฐกิจของไซปรัสจะมีการหดตัวอย่างเลวร้ายถึง 10 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้
ด้านลาสซ์โล อันดอร์ ข้าหลวงใหญ่ด้านการจ้างงานของสหภาพยุโรป ชาวฮังกาเรียน วัย 46 ปี ออกมาระบุว่า ระดับของการว่างงานที่พุ่งสูงถึง 12 เปอร์เซ็นต์ถือเป็น “โศกนาฏกรรม” สำหรับยุโรป และเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่าวิกฤตที่กลุ่มยูโรโซนต้องเผชิญอยู่ในเวลานี้มีความร้ายแรงหนักหนาเพียงใด ขณะเดียวกันก็คาดว่าเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซนในปี 2013 นี้อาจเผชิญกับภาวะหดตัว 0.3 เปอร์เซ็นต์
