xs
xsm
sm
md
lg

สหรัฐฯ เสริมเรือพิฆาตลำที่ 2 รับมือโสมแดง วอนจีน-รัสเซียช่วยปราม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



เอเจนซี/เอเอฟพี - กองทัพสหรัฐฯ เตรียมส่งเรือพิฆาต ติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธขั้นสูงลำที่ 2 เข้าประจำการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ท่ามกลางความหวั่นกลัวต่อคำขู่ทำสงครามของเกาหลีเหนือ เจ้าหน้าที่อเมริกาเผยเมื่อวันอังคาร (2) ขณะที่ทำเนียบขาวเรียกร้องจีนและรัสเซีย แสดงบทบาทมากยิ่งขึ้นในความพยายามห้ามปรามโสมแดง หลังเปียงยางแถลงจะเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ปรมาณูอีกครั้ง

สหรัฐฯ กำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่ยากลำบาก ในความพยายามหลีกเลี่ยงขยายความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี เนื่องจากอีกด้านหนึ่งก็จำเป็นต้องเดินหน้าสร้างความอุ่นใจแก่ชาติพันธมิตรอย่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ถึงขีดความสามารถของกองทัพอเมริกาในการตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวใดๆ ของเปียงยาง

ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯแถลงเมื่อวันจันทร์ว่า (1) เรือพิฆาตยูเอสเอสจอห์นแม็คเคน แก้ไขข้อมูลจากเดิมที่มีรายงานข่าวว่าเป็นเรือพิฆาตยูเอสเอสฟิตซ์เจอรัลด์ ติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธขั้นสูง ถูกส่งเข้าประจำการนอกชายฝั่งด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้

ล่าสุดในวันอังคาร (2) เหล่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯยืนยันกับรอยเตอร์เพิ่มเติมว่าเรือพิฆาตอีกลำ ได้แก่ยูเอสเอสเดคาเตอร์ กำลังมุ่งหน้าไปยังภูมิภาคดังกล่าว เพื่อเสริมทางเลือกของระบบป้องกันขีปนาวุธนำวิถี แต่เหล่าเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นๆอีก

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่เหล่านี้ปฏิเสธรายงานข่าวที่ระบุว่ากำลังมีการติดตั้งเรดาร์ตรวจจับขีปนาวุธ X-band นอกชายฝั่งญี่ปุ่น โดยบอกตอนนี้ยังไม่มีการตัดสินใจใดๆจนกว่าจะเสร็จสิ้นการทดสอบเสียก่อน ทั้งนี้ เรดาร์ X-band เป็นส่วนหนึ่งของระบบป้องกันขีปนาวุธ มีไว้สำหรับแกะรอยมิสไซส์ของฝ่ายศัตรู
(แฟ้มภาพ) เรือพิฆาตของสหรัฐฯและเกาหลีใต้ ระหว่างซ้อมรบร่วมเมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคม
ข่าวเกี่ยวกับการเพิ่มแสนยานุภาพป้องกันภัยคุกคามขีปนาวุธรอบๆคาบสมุทรเกาหลี มีขึ้นหลังจากเปียงยางประกาศเมื่อวันอังคาร (2) ว่าจะเปิดเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ปรมาณูอีกครั้งเพื่อป้อนวัสดุนิวเคลียร์ให้แก่โครงการอาวุธ “นุก” ของตน จนเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ บัน คีมุน ออกโรงเตือนว่าวิกฤตคาบสมุทรเกาหลีอาจจะบานปลายขยายตัวจนกระทั่งควบคุมกันไม่อยู่

“ภัยคุกคามทางนิวเคลียร์ไม่ใช่เป็นแค่เกมๆ หนึ่ง” บัน แถลง ซึ่งเป็นการแสดงทัศนะต่อคำแถลงอย่างก้าวร้าวที่ออกมาอย่างชนิดต่อเนื่องเป็นชุดใหญ่ของโสมแดง และเร่งให้สหรัฐฯ จัดส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดที่สามารถบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ได้ทั้งรุ่น บี-52 และ บี-2 สเตลท์ ตลอดจนเรือพิฆาตที่ติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธขั้นสูง ไปประจำการยังเกาหลีใต้

ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือรายงานโดยอ้างคำกล่าวของโฆษกด้านพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศที่ระบุว่า โสมแดงจะดำเนินการปรับปรุงใหม่และเปิดการดำเนินงานทั้งหมดในนิคมนิวเคลียร์ยองบอนของตนขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งรวมถึงการเพิ่มความเข้มข้นยูเรเนียมและเตาปฏิกรณ์ขนาด 5 เมกะวัตต์ ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ทำให้นานาชาติเกิดความระวังตื่นตัวอย่างสูง และจีนผู้เป็นพันธมิตรสำคัญเพียงรายเดียวของเปียงยาง ก็ยังออกมาแถลงแสดงความเสียใจ พร้อมกับเรียกร้องให้ใช้ความยับยั้งชั่งใจ

อีกด้านหนึ่ง สหรัฐฯ ในวันอังคาร (2) สหรัฐฯ ก็ออกมาเรียกร้องจีนและรัสเซีย เพิ่มความพยายามมากกว่าที่เป็นอยู่สำหรับห้ามปรามเกาหลีเหนือ ที่ประกาศจะเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ปรมาณูอีกครั้ง โดย เจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่าการตัดสินใจดังกล่าวของเปียงยาง เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่บ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือละเมิดละเมิดพันธสัญญาที่เคยให้ไว้กับนานาชาติ

“ใครๆ ก็รู้ดีว่าจีนมีอิทธิพลกับเกาหลีเหนือ ตอนนี้เราขอเรียกร้องให้ จีน ใช้อิทธิพลของพวกเขา พยายามสร้างผลกระทบต่อพฤติกรรมของเกาหลีเหนือ และเป็นความจริงเช่นกัน ที่เราได้พูดคุยในประเด็นดังกล่าวกับรัสเซีย” โฆษกทำเนียบขาวกล่าว

คาบสมุทรเกาหลีตกอยู่ในท่ามกลางวงจรแห่งการเพิ่มความตึงเครียดอย่างหนักหน่วงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และบานปลายขยายตัวออกไปทุกทีๆ นับตั้งแต่ที่โสมแดงดำเนินการทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และติดตามด้วยการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ใต้ดินในต้นเดือนกุมภาพันธ์

ความเคลื่อนไหวที่ติดตามมาหลังจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นการลงมติของยูเอ็นให้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรโสมแดง ตลอดจนการจัดการซ้อมรบครั้งใหญ่ประจำปีระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ ต่างก็ถูกเปียงยางใช้อ้างเป็นเหตุผลความชอบธรรมสำหรับการเร่งทวีออกมาตรการนานาเพื่อมุ่งข่มขู่โซลและวอชิงตัน ซึ่งมีทั้งการคุกคามที่จะยิงโจมตีด้วยขีปนาวุธและการเปิดสงครามนิวเคลียร์
กำลังโหลดความคิดเห็น