ไซปรัสออกกฎคุมเงินทุนเคลื่อนย้าย ถอนสูงสุดได้แค่วันละหมื่น

เอเอฟพี - มิคาลิส ซาร์ริส รัฐมนตรีคลังของไซปรัส ออกมาตรการควบคุมเงินทุนเคลื่อนย้าย (Capital Control) ชั่วคราวในวันพุธ(27) ตามหลังรับเงินช่วยเหลือจากอียู-ไอเอ็มเอฟ พร้อมจำกัดถอนเงินได้สูงสุดแค่ 300 ยูโร(ราว11,000บาท)ต่อวัน ขณะที่ธนาคารต่างๆจะกลับมาเปิดบริการอีกครั้งในวันนี้(28)

ประกาศข้อบังคับที่เผยแพร่ผ่านทางสื่อมวลชนแห่งรัฐ ห้ามประชาชนถือเงินสดออกนอกประเทศเกินกว่า 1,000 ยูโร(ราว37,000บาท) โดยให้อำนาจตรวจค้นผู้เดินทางกับเจ้าหน้าที่ศุลกากร นอกจากนี้ยังห้ามใช้เช็กเงินสดด้วย

มาตรการควบคุมต่างๆนานาที่กำหนดออกมานี้ มีขึ้นก่อนหน้าที่เหล่าธนาคารของไซปรัสจะกลับมาเปิดทำการในวันพฤหัสบดี(28) หลังจากปิดบริการมาตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม เพื่อรอผลการเจรจาเงื่อนไขกู้ยืมเงินระหว่างรัฐบาลกับเจ้าหนี้นานาชาติ อันประกอบด้วยสหภาพยุโรป(อียู) ธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)

นายซาร์ริส อ้างปัญหาการขาดสภาพคล่องและความเสี่ยงไหลออกของเงินฝาก ซึ่งผลที่ตามมาอาจถึงขั้นทำให้สถานบันการเงินล้มละลาย คือเหตุผลสำหรับการออกข้อบังคับต่างๆนานาเหล่านี้

รัฐมนตรีคลังของไซปรัสระบุในข้อบังคับว่าการเคลื่อนย้ายของเงินทุนจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ที่อาจก่อความไร้เสถียรภาพแก่ระบบการเงินและก่อผลสะท้อนหายนะต่อเศรษฐกิจโดยรวม

การชำระเงินโดยไม่ใช้เงินสดหรือโอนเงินนอกไซปรัส ก็ถูกห้ามตามมาตรการควบคุมนี้ เช่นเดียวกับจำกัดการซื้อของด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตยามที่อยู่นอกประเทศไม่เกิน 5,000 ยูโร(180,000บาท)ต่อเดือน อย่างไรก็ตามทางการได้เปิดช่องว่างแคบๆสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการโอนเงินค่าเทอมและค่าที่พักอาศัยแก่บุตรหลานที่ศึกษาตามโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยต่างๆในต่างแดน

ข้อกำหนดของกระทรวงการคลังไซปรัสถูกประกาศออกมาขณะที่ผู้ประท้วงต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดราวๆ 1,500 คน เดินขบวนไปยังทำเนียบประธานาธิบดี เพื่อคัดค้านแพกเกจช่วยเหลือจากอียู-ไอเอ็มเอฟ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเหล่าผู้ฝากเงินของธนาคารยักษ์ใหญ่ของประเทศและมีอีกหลายพันคนต้องตกงาน

ก่อนหน้านี้ในวันอังคาร(26) พนักงานธนาคารแบงก์ออ ไซปรัส และเหล่านักศึกษาหลายพันคน ก็ชุมนุมประท้วงที่กรุงนิโคเซีย โดยพนักงานแบงค์เหล่านั้น แสดงความกังวลว่าอาจต้องตกงานหลังแบงก์ออฟไซปรัสเตรียมผนวกกิจการกับแบงก์ไลกิ ธนาคารใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ

ทั้งนี้แม้ว่าทางสหภาพลูกจ้างธนาคาร ETYK เผยว่าเหล่าพนักงานพร้อมกลับไปทำงาน แต่ก็วิงวอนประชาชนว่าไม่ควรรู้สึกผิดหวังกับพนักงานเหล่านี้ เนื่องจากพนักงานธนาคารก็เป็นเหยื่อของการกระทำของรัฐบาลเช่นกัน