xs
xsm
sm
md
lg

ผู้เชี่ยวชาญออสซี่เตือน ห้ามเข้าใกล้ “ค้างคาว” มีเชื้อมรณะ “เอบีแอลวี” ยัน “ ไร้ทางรักษา” ติดแล้วต้องตาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ผู้เชี่ยวชาญในออสเตรเลียออกโรงเตือน ผู้คนทั่วโลกให้อยู่ห่างจาก “ค้างคาว” หลังพบไวรัสมรณะซึ่งมีสัตว์ชนิดดังกล่าวเป็นพาหะ พร้อมย้ำชัดขณะนี้ยังไม่มีหนทางรักษา หากติดเชื้อมรณะมีโอกาสเสียชีวิตสูง

ดร.โจชัว ฟรานซิส และแคลร์ นัวร์ส ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลแม่และเด็กในนครบริสเบนออกโรงเตือนในวันพฤหัสบดี (21) ให้ผู้คนทั่วโลกหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้กับค้างคาวให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หลังพบเด็กชายวัยเพียง 8 ขวบถูกค้างคาวกัดในออสเตรเลียและเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากการติดเชื้อมรณะ “ออสเตรเลียน แบ็ท ลีซซาไวรัส” หรือเชื้อ “เอบีแอลวี” ซึ่งยังไม่มีทางรักษา ถือเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 3 ของโลกที่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ

รายงานข่าวระบุว่า หนูน้อยชาวออสซี่ผู้เคราะห์ร้ายถูกค้างคาวกัด ระหว่างเดินทางไปพักผ่อนกับครอบครัวที่รัฐควีนส์แลนด์เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว แต่เขาไม่ยอมบอกพ่อและแม่ จนเมื่อเวลาผ่านไปราว 3 สัปดาห์ เขาจึงเริ่มมีอาการชัก เจ็บปวดบริเวณช่องท้อง และมีไข้สูง ตามมาด้วยอาการผิดปกติทางสมองหลายอย่าง ก่อนจะเสียชีวิตในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ซึ่งผลการตรวจสอบอย่างละเอียดยืนยันว่า หนูน้อยติดเชื้อมรณะ ออสเตรเลียน แบ็ท ลีซซาไวรัส

ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 ราย ยังเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่ไวรัสมรณะดังกล่าวที่มีค้างคาวเป็นพาหะ อาจมีการติดต่อจาก “คนสู่คน” ได้ ผ่านทางการสัมผัสถูกน้ำลาย น้ำมูก หรือบาดแผลของผู้อื่น

ทั้งนี้ เชื้อไวรัส “เอบีแอลวี” ซึ่งยังไม่มีวิธีรักษาหากติดเชื้อ ถูกพบครั้งแรกในประเทศออสเตรลียในค้างคาว รวมถึง "ค้างคาวแม่ไก่" หรือ Flying foxes ซึ่งเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ค้างคาวที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีผู้ถูกกัดจนติดเชื้อและเสียชีวิตมาแล้ว 2 รายในปี 1996 และ 1998


กำลังโหลดความคิดเห็น