เอเจนซีส์ - เวเนซุเอลาสลด ประธานาธิบดีอูโก ชาเบซ พ่ายแพ้ในการทำศึกกับโรคมะเร็งร้าย และถึงแก่อสัญกรรมแล้ว เป็นการปิดฉากยุคสมัยแห่งการปกครองประเทศร่ำรวยน้ำมันแห่งนี้อย่างยาวนานถึง 14 ปีของอดีตทหารพลร่มที่กลายเป็นนักปลุกระดมมวลชนฝีปากกล้า อีกทั้งยังแสดงตัวเป็นเสียงร้องนำของบรรดาฝ่ายซ้ายในละตินอเมริกาด้วย ทางด้านรัฐบาลประกาศจัดพิธีศพอย่างสมเกียรติ ด้วยการตั้งศพให้ผู้คนเข้าเคารพ 3 วันและไว้อาลัยทั่วประเทศ 1 สัปดาห์ พร้อมกับเตรียมจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 30 วัน โดยมีรองประธานาธิบดีนิโกลาส์ มาดูโร เป็นตัวแทนอดีตผู้นำ ลงแข่งขันกับหัวหน้าพันธมิตรฝ่ายค้าน เฮนริเก คาพริเลส
มาดูโร ผู้แถลงข่าวการอสัญกรรมของชาเบซเมื่อวันอังคาร (5) กล่าวด้วยอาการพยายามสกดกั้นน้ำตาว่า รัฐบาลได้ระดมกำลังทหารและตำรวจเพื่อ “ดูแลและปกป้องประชาชนและรักษาความสงบเรียบร้อย”
เวเนซุเอลา ซึ่งยังคงอยู่ในภาวะแตกร้าวหนักภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีอันดุเดือดในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศเป็นเวลา 1 สัปดาห์ โดยที่ศพของชาเบซได้ถูกนำขึ้นรถม้าเดินทางจากโรงพยาบาลทหารการากัส ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาถึงแก่อสัญกรรมด้วยมะเร็งร้าย ไปตั้งไว้ที่สถาบันการทหารซึ่งเขาถือเสมือนเป็นบ้านหลังที่สองของเขา เป็นเวลา 3 วันจนกระทั่งถึงวันศุกร์ (8) จากนั้นจึงจะมีการจัดพิธีฝังศพ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้นำจากประเทศต่างๆ จำนวนมาก โดยเฉพาะชาติฝ่ายซ้ายในละตินอเมริกา เดินทางมาร่วมไว้อาลัย
เอลิอัส คาอัว รัฐมนตรีต่างประเทศ กล่าวว่า มาดูโร ผู้ที่ชาเบซวางตัวให้เป็นทายาทสืบต่ออำนาจ จะรับหน้าที่ผู้นำเฉพาะกาลไปจนกระทั่งถึงการเลือกตั้ง ขณะที่ ดิเอโก เมเลโร รัฐมนตรีกลาโหม บอกว่า กองทัพจะปกป้องรัฐธรรมนูญและสานต่อความปรารถนาของชาเบซ
ข่าวการถึงแก่อสัญกรรมของชาเบซ ทำให้มีชาวเวเนซุเอลานับพันนับหมื่นออกมาชุมนุมกันตามจัตุรัสใหญ่ในเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ หลายๆ คนร้องไห้รำพันและสดุดีชีวิตของบุรุษผู้ก่อให้เกิดความร้าวฉานหนักผู้นี้ โดยที่พวกคนยากจนต่างชื่นชมยินดีในตัวเขา แต่คนมั่งมีและพวกเสรีนิยมโกรธกริ้วประณามว่าเขาเป็นเผด็จการรวบอำนาจ
ผู้สนับสนุนชาเบซหลายร้อยคนไปชุมนุมด้วยความอาลัยหน้าโรงพยาบาลทหารที่ชาเบซเข้ารับการรักษาตัวกระทั่งเสียชีวิต หลายคนประกาศให้การสนับสนุนมาดูโรเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป
ชาเบซ ซึ่งสิริอายุ 58 ปี และบริหารประเทศมายาวนาน 14 ปี เข้ารับการบำบัดด้วยเคมีที่โรงพยาบาลทหารในกรุงการากัสตั้งแต่วันที่ 18 เดือนที่แล้ว ภายหลังไปรับการผ่าตัดรักษาโรคมะเร็งรอบที่ 4 และนอนพักรักษาตัวที่คิวบานอน 2 เดือนตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว
นับจากนั้นผู้นำที่เป็นสัญลักษณ์การต่อต้านการเข้าครอบงำประเทศอื่นโดยจักรวรรดินิยมอเมริกา ไม่เคยปรากฏตัวต่อสาธารณชนอีกเลย ทำให้เกิดข่าวลือต่างๆ มากมาย โดยรัฐบาลเวเนซุเอลาออกข่าวในทำนองว่า ชาเบซกำลังต่อสู้กับโรคร้าย สลับสับเปลี่ยนกับการยืนยันว่า ผู้นำกระดูกเหล็กยังคงทำหน้าที่บริหารประเทศและออกคำสั่งต่างๆ จึงทำให้ฝ่ายค้านออกมากล่าวหารัฐบาลซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ปิดบังอาการที่แท้จริงของประธานาธิบดี
บรรดาผู้มีอำนาจระบุว่า เวเนซุเอลาจะต้องดำเนินการเลือกตั้งประธานาธิบดีใหม่ภายในเวลา 30 วัน ทว่ายังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า กำหนดการดังกล่าวหมายถึงต้องทำการเลือกตั้งกันจริงๆ หรือเพียงแค่ประกาศวันเลือกตั้งให้ชัดเจนภายใน 30 วัน
อย่างไรก็ตาม นับจากนี้อนาคตของการปฏิวัติฝ่ายซ้ายสไตล์ชาเบซที่คนยากจนสนับสนุนอย่างท่วมท้น จากการนำรายได้ในการขายน้ำมันของประเทศไปอุดหนุนโครงการที่อยู่อาศัย สาธารณสุข อาหาร และการศึกษานั้น จะเป็นภาระของมาดูโร ที่คาดว่าจะสานต่อนโยบายส่วนใหญ่ของชาเบซ แต่มีโอกาสที่เขาจะผ่อนคลายความตึงเครียดกับนักลงทุนและวอชิงตันในอนาคต
ขณะเดียวกัน การเลือกตั้งครั้งใหม่จะเป็นโอกาสล้างตาสำหรับเฮนริเก คาพริเลส ผู้นำฝ่ายค้านที่พ่ายแพ้ให้ชาเบซในการเลือกตั้งเดือนตุลาคมปีที่แล้ว แม้ในขณะนั้นประชาชนจำนวนมากไม่พอใจต่อสถิติการฆาตกรรมที่พุ่งขึ้น ปัญหาไฟฟ้าดับที่เกิดขึ้นเป็นประจำ และภาวะเงินเฟ้อก็ตาม
คาพริเลสแถลงในวันอังคารว่า นี่ไม่ใช่เวลาแห่งความขัดแย้ง แต่เป็นเวลาที่ประเทศชาติต้องการความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและความสงบสุข พร้อมยืนยันว่า แม้ชาเบซเป็นคู่แข่ง แต่ไม่ใช่ศัตรู
หากคาพริเลสได้ชัยชนะ คาดว่าจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงมากมาย และถูกอกถูกใจกลุ่มธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดี เขาอาจต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและความรุนแรง
ชัยชนะของพรรคฝ่ายค้านเวเนซุเอลายังอาจส่งผลต่อหลายประเทศในละตินอเมริกาที่เคยได้รับเงินช่วยเหลือจากชาเบซ โดยเฉพาะคิวบา
ลุยส์ วินเซนเต ผู้อำนวยการสถาบันจัดทำโพลล์ ดาตานาลิซิส เชื่อว่า รัฐบาลเวเนซุเอลาจะต้องการจัดการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด เพื่อฉกฉวยความได้เปรียบจากอารมณ์และความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อการจากไปของชาเบซ
ขณะเดียวกัน นานาชาติแสดงปฏิกิริยาต่างๆ กัน หลายประเทศในละตินอเมริกาสรรเสริญการสนับสนุนคนจนของชาเบซ แต่บางประเทศแสดงความหวังว่า การจากไปของชาเบซอาจนำไปสู่ระบบการเมืองที่เปิดกว้างมากขึ้น
คิวบา พันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของเวเนซุเอลา ประกาศไว้อาลัยให้ชาเบซที่ช่วยฟื้นเศรษฐกิจของคิวบาด้วยน้ำมันราคาถูกและเงินอัดฉีด และยกย่องชาเบซว่าเป็น “บุตรชายตัวจริง” ของผู้นำการปฏิวัติ ฟิเดล คาสโตร
ทว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ เป้าหมายขาประจำในการเหยียดหยามต่อต้านอเมริกันของชาเบซ กล่าวอย่างระมัดระวังว่า อเมริกาจะสนับสนุนชาวเวเนซุเอลา และยึดมั่นในนโยบายส่งเสริมหลักการประชาธิปไตย หลักนิติธรรม และเคารพในสิทธิมนุษยชน พร้อมระบุว่า การจากไปของชาเบซถือเป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทาย
