เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - คณะกรรมาธิการยุโรป แถลงยอมรับเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซน หรือกลุ่ม 17 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็นเงินตราสกุลหลักจะไม่หวนคืนสู่การเติบโตจนกว่าจะถึงปี 2014 เป็นอย่างน้อย ถือเป็นข่าวร้ายล่าสุดสำหรับยูโรโซน แม้ก่อนหน้านี้จะมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของกลุ่มอาจหลุดพ้นจากภาวะถดถอยได้ภายในปีนี้
คำแถลงของคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่า เศรษฐกิจของ 17 ชาติสมาชิกยูโรโซนซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็นเกือบ 1 ใน 5 ของเศรษฐกิจโลกจะมีการ “หดตัว” ราว 0.3 เปอร์เซ็นต์ในปี 2013 อันเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับการประเมินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่ระบุว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะหดตัว 0.2 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ และหมายความว่า เศรษฐกิจของยูโรโซนจะยังคงไม่หลุดพ้นจากภาวะถดถอยที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2009 ได้ สาเหตุสำคัญมาจากภาวะการปล่อยกู้ของภาคสถาบันการเงินที่ไม่เป็นไปตามเป้า การปลดพนักงานอย่างต่อเนื่องของทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงการชะลอการลงทุน
อย่างไรก็ดี มาร์โก บูติ ผู้อำนวยการใหญ่ด้านกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเงิน ของคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นองค์กรฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป (อียู) คาดว่า เศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซนจะกลับมาเติบโตในแดนบวกได้อีกครั้งในปี 2014 และอาจมีการเติบโตได้ราว 1.4 เปอร์เซ็นต์ แต่ถึงกระนั้นปัญหาการว่างงานจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจฉุดรั้งการฟื้นตัวของยูโรโซนให้ต้องล่าช้าออกไป โดยคาดว่าอัตราการว่างงานของ 17 ประเทศยูโรโซนอาจพุ่งสูงแตะระดับ 12.2 เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่า 19 ล้านคนในปี 2013 นี้
ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) คาดว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของกลุ่มยูโรโซนในปี 2014 ยังคงมีความผันแปรระหว่างการหดตัวที่ 0.9 เปอร์เซ็นต์ จนถึงการขยายตัวที่ราว 0.3 เปอร์เซ็นต์
