เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-สำนักงานสหประชาชาติว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรม (UNODC) ซึ่งมีฐานอยู่ที่กรุงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรีย เผยแพร่รายงานล่าสุดเมื่อวันอังคาร (12) ระบุ ผู้คนหลายล้านคนทั่วโลกซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ต้องตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ทั้งในส่วนของการบังคับค้ากามและการใช้แรงงานเยี่ยงทาสตามร้านอาหาร ฟาร์มเกษตร บ้านพัก และเรือประมง ชี้ มีกว่า 118 ประเทศทั่วโลกที่พบปัญหาดังกล่าว ขณะที่ผู้ตกเป็นเหยื่อมีไม่ต่ำกว่า 136 เชื้อชาติ
รายงานระบุว่า การค้ามนุษย์ที่มีจุดประสงค์เพื่อการบังคับค้าประเวณีมีสัดส่วนสูงสุดคิดเป็น 58 เปอร์เซ็นต์ของคดีที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ทั่วโลก ขณะที่สัดส่วนของการบังคับใช้แรงงานก็เพิ่มขึ้นเท่าตัวตลอด 4 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 36 เปอร์เซ็นต์ โดยผู้กระทำผิดส่วนใหญ่จะเป็นเพศชาย ขณะที่เหยื่อของพวกเขามักเป็นผู้ใหญ่เพศหญิงถึง 55-60 เปอร์เซ็นต์ แต่หากรวมเหยื่อที่เป็น “เด็กหญิง” เข้าไปด้วย จะส่งผลให้สัดส่วนของเหยื่อที่เป็นสตรีทั้งหมดสูงถึง 75 เปอร์เซ็นต์ทีเดียว ยังไม่นับรวมเหยื่อที่เป็น กลุ่มแรงงานต่างด้าว ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นไม่น้อยเช่นกัน
ข้อมูลของ UNODC ยังระบุว่า จำนวนเด็กที่ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์เพิ่มจาก 20 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงปี 2003-2006 เป็น 27 เปอร์เซ็นต์ในช่วงปี 2007-2010 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย 2 ใน 3 ของเด็กที่ตกเป็นเหยื่อจะเป็นเด็กหญิง และพื้นที่ที่พบการบังคับค้าประเวณีมากที่สุด คือ ยุโรป ภูมิภาคเอเชียกลาง และทวีปอเมริกา ส่วนการบังคับใช้แรงงานเยี่ยงทาสพบบ่อยในทวีปแอฟริกา ภูมิภาคตะวันออกกลาง เอเชียใต้ เอเชียตะวันออก และดินแดนในมหาสมุทรแปซิฟิก
ทั้งนี้ ยูริ เฟโดตอฟ นักการทูตอาวุโสของรัสเซีย ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ UNODC เผยว่า การก่ออาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ได้สร้างผลกำไรมหาศาลหลายพันล้านดอลลาร์ แก่พวกนักค้ามนุษย์ทั่วโลก ขณะที่ข้อมูลจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) คาดว่ามีผู้คนกว่า 20.9 ล้านคนทั่วโลกเป็นเหยื่อของการบังคับใช้แรงงาน