เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ขณะที่ราว 2 ใน 3 ของผู้ใหญ่ชาวอเมริกันที่ใช้อินเทอร์เน็ตมีสถานะเป็นผู้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ชื่อดัง “เฟซบุ๊ก” ควบคู่กันไปด้วย แต่ผลสำรวจล่าสุดในเมืองลุงแซมกลับพบข้อมูลว่า ในปัจจุบันผู้ใช้เฟซบุ๊กกลุ่มที่มีอายุระหว่าง 18-49 ปีในสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะตัดสินใจเลิกใช้เฟซบุ๊กเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยระยะเวลาของการ “หันหลัง” ให้เฟซบุ๊กมีตั้งแต่หลายสัปดาห์ หรือเลิกใช้แบบถาวร
ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดที่จัดทำโดยสถาบันวิจัย “พีว รีเสิร์ช” ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างทางโทรศัพท์ระหว่างวันที่ 13-16 ธันวาคมปีที่แล้ว และมีการเปิดเผยเมื่อวันอังคาร (5) พบว่า ราว 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใหญ่ที่ใช้อินเทอร์เน็ตในสหรัฐฯ ขณะนี้ไม่ได้เข้าไปเช็คความเคลื่อนไหวใดๆ ในหน้าเฟซบุ๊กของตัวเอง โดยชาวอเมริกันกลุ่มนี้ระบุว่า “เคยใช้เฟซบุ๊ก แต่ตอนนี้ไม่อยากใช้อีก”
บรรดาผู้ใช้เฟซบุ๊กในสหรัฐฯ ต่างให้เหตุผลในการตัดสินใจเลิกใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ดังกล่าว ทั้งการเลิกใช้เฟซบุ๊ก “แบบชั่วคราว” และ “แบบถาวร” เอาไว้หลายประการ เช่น เหตุผลว่าไม่มีเวลาใช้เฟซบุ๊กเพราะมีกิจกรรมอื่นๆ ที่ต้องทำหรืออยากทำมากกว่า หรือเหตุผลว่าเฟซบุ๊กขาดความน่าสนใจที่จะใช้งานอีกต่อไป รวมถึงความเบื่อหน่ายพวกข่าวซุบซิบนินทา เรื่องคุยโม้ หรือเรื่อง “ดรามา” ทั้งหลายของเหล่าเพื่อนๆ ตัวดีในเฟซบุ๊กของพวกเขา
อย่างไรก็ดี ผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวนมากในสหรัฐฯ ยอมรับว่า พวกเขายังคงใช้เฟซบุ๊ก แต่ปรับลดระยะเวลาในการใช้ลงมาให้น้อยลง ขณะที่กลุ่มตัวอย่างราว 92 เปอร์เซ็นต์ระบุยังไม่ตัดสินใจว่าจะใช้บริการเฟซบุ๊กต่อไปหรือไม่ แต่ถึงจะเลิกใช้ก็ไม่มีความคิดที่จะลบโปรไฟล์เฟซบุ๊กของตนออก
นอกจากนั้น ราว 42 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กที่มีอายุระหว่าง 18-29 ปี และ 34 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้อายุ 30-49 ปี ระบุว่า พวกเขาใช้เวลาอยู่กับเฟซบุ๊กลดน้อยลงเมื่อปีที่ผ่านมา