รอยเตอร์/เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - เกิดเหตุโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตาย รวมถึงเหตุกราดยิงโดยกลุ่มมือปืนที่แต่งกายในเครื่องแบบตำรวจอิรัก ในเวลาไล่เลี่ยกันใกล้กับสำนักงานใหญ่ของตำรวจเมืองเคอร์คุกทางตอนเหนือของประเทศในวันอาทิตย์ (3) เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 33 คน
เหตุโจมตีที่เกิดขึ้นถือเป็นครั้งที่ 3 ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ที่เกิดขึ้นในเมืองเคอร์คุกและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประชากร 3 เชื้อชาติอาศัยอยู่ร่วมกันทั้งชาวอาหรับ ชาวเคิร์ดและประชากรเชื้อสายเติร์ก
นอกจากนั้น เมืองเคอร์คุกและพื้นที่ทางตอนเหนือของอิรักยังกลายเป็นศูนย์กลางแห่งความขัดแย้ง เกี่ยวกับการแย่งชิงผลประโยชน์ด้านน้ำมันและที่ดินระหว่างรัฐบาลกลางของอิรักที่กรุงแบกแดด กับรัฐบาลท้องถิ่นในเขตปกครองตนเอง “เคอร์ดิสถาน” ของชาวเคิร์ด
ข้อมูลของตำรวจระบุว่า เหตุสะเทือนขวัญล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากมือระเบิดฆ่าตัวตายรายหนึ่งได้ขับรถยนต์คันหนึ่งซึ่งมีระเบิดเต็มคันพุ่งเข้าชนบริเวณทางเข้าของสำนักงานตำรวจเมืองเคอร์คุก และหลังจากเกิดระเบิดขึ้นก็มีกลุ่มมือปืนที่ไม่ทราบจำนวนแน่ชัดซึ่งแต่งกายในเครื่องแบบตำรวจอิรักบุกเข้ามาก่อเหตุกราดยิงด้วยอาวุธปืนแบบเอเค 47 และลูกระเบิดมือ ก่อนที่กลุ่มคนร้ายทั้งหมดจะถูกยิงเสียชีวิตในเวลาต่อมา
แรงระเบิดส่งผลให้บริเวณด้านหน้าของสำนักงานตำรวจเมืองเคอร์คุกได้รับความเสียหาย รวมถึงรถยนต์อีกหลายคันที่จอดอยู่ด้านนอก และพบร่างผู้เสียชีวิตจำนวนมากกระจัดกระจายกันอยู่ในจุดเกิดเหตุ รวมถึงบริเวณอาคารที่ทำการของรัฐบาลหลังอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงกัน
ทั้งนี้ เมืองเคอร์คุกได้ชื่อว่าเป็นบ้านของกลุ่มติดอาวุธหลายกลุ่ม รวมถึงกลุ่มอิสลามิสต์นิกายซุนนีที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ที่มัก่อเหตุโจมตีกองกำลังความมั่นคงของรัฐบาล เพื่อบ่อนทำลายเสถียรภาพของรัฐบาลอิรัก ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีที่นับถือนิกายชีอะห์ อย่างนายนูริ อัล มาลิกิ
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว เพิ่งเกิดเหตุโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตายภายในศาสนสถานของชาวมุสลิมนิกายชีอะห์แห่งหนึ่งขณะมีการประกอบพิธีศพ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 รายที่เมืองทุซ คูร์มาโตที่อยู่ใกล้เคียง
