เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ยอดขายรถใหม่ในไทยและอินโดนีเซียทะลุหลัก 1 ล้านคันเป็นครั้งแรก ในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์ “อาซาฮี ชิมบุง” ของญี่ปุ่น ซึ่งระบุว่าตลาดรถยนต์ไทยและอินโดนีเซียขยายตัวแบบฉุดไม่อยู่เพราะการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของกลุ่มผู้มีรายได้ระดับปานกลางที่มีกำลังซื้อ ประกอบกับแรงหนุนจากมาตรการของรัฐ โดยเฉพาะโครงการ “รถคันแรก” ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สวนทางกับตลาดรถยนต์ส่วนใหญ่ในประเทศที่พัฒนาแล้วที่ยังคงซบเซาต่อเนื่อง
สื่อดังของญี่ปุ่นระบุยอดขายยานยนต์ใหม่ทุกประเภท รวมถึงรถเพื่อการพาณิชย์ในไทยในปี 2012 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปมีถึง 1,436,335 คัน ถือเป็นจำนวนรถใหม่ที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดถึง “80.9 เปอร์เซ็นต์” จากเมื่อปี 2011 ซึ่งเป็นปีที่ตลาดยานยนต์ไทยวิกฤตหนักทั้งจากเหตุน้ำท่วมใหญ่ในไทยและเหตุแผ่นดินไหว-สึนามิทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮอนชูที่ญี่ปุ่น
อาซาฮี ชิมบุงชี้ว่า สาเหตุหลักที่ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว จากวิกฤตในปี 2011 เป็นเพราะมาตรการจูงใจด้านภาษีในโครงการ “รถคันแรก” ของรัฐบาลไทยภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ที่ส่งผลให้ยอดจำหน่ายรถใหม่เพิ่มขึ้นอย่างถล่มทลายในปี 2012
ส่วนในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้น ยอดจำหน่ายรถใหม่เพิ่มสูงขึ้น 24.8 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเมื่อปี 2011 จากกำลังซื้อที่สูงขึ้นของกลุ่มชนชั้นกลางโดยอินโดนีเซียมีจำนวนรถใหม่ออกสู่ท้องถนนในปีที่แล้ว 1,116,230 คัน ทั้งนี้เป็นข้อมูลที่หนังสือพิมพ์อาซาฮีอ้างมาจากสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอินโดนีเซีย (เอไอเอไอ)
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ราว “90 เปอร์เซ็นต์” ของรถใหม่ที่ออกสู่ท้องถนนทั้งในประเทศไทยและในอินโดนีเซียในปีที่ผ่านมา เป็นรถยนต์จากค่ายยานยนต์ของ “ญี่ปุ่น” ซึ่งหมายความว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ได้รับ “อานิสงส์” มากที่สุดจากโครงการรถคันแรกของรัฐบาลไทย และการเติบโตของตลาดรถยนต์ในอินโดนีเซีย
นอกจากนั้น ไทยและอินโดนีเซียยังมีสถานะไม่ต่างจาก “พระเอกขี่ม้าขาว” ที่เข้าไปช่วยต่อลมหายใจของอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่นในปีที่ผ่านมา ชดเชยการขาดหายไปของรายได้จากตลาดจีน หลังญี่ปุ่นและจีนมีปัญหาพิพาทกันอย่างรุนแรงเกี่ยวกับการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะ “เซงกากุ” ในทะเลจีนตะวันออก