เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - กองทัพแอลจีเรียบุกโรงแยกก๊าซทิกันทูรีนในแหล่งก๊าซอินอามีนาสทางภาคตะวันออกของประเทศ เพื่อช่วยเหลือชาวต่างชาติที่ถูกกลุ่มติดอาวุธจับเป็นตัวประกันเพื่อแก้แค้นปฏิบัติการทางทหารของฝรั่งเศสในมาลี ทว่าปฏิบัติการดังกล่าวกลับส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปกว่า 30 ราย รวมชาวตะวันตกจำนวนมาก ขณะที่กลุ่มติดอาวุธถูกสังหารไป 11 คน แหล่งข่าวความมั่นคงแอลจีเรียระบุ
ผู้นำชาติตะวันตกซึ่งพลเมืองถูกจับเป็นตัวประกันต่างแสดงความไม่พอใจที่แอลจีเรียบุกช่วยตัวประกันโดยไม่ปรึกษาหารือล่วงหน้า และผลปฏิบัติการก็เข้าขั้นล้มเหลวเพราะมีผู้เสียชีวิตไปนับสิบคน ซึ่งในจำนวนนั้นมีพลเมืองฝรั่งเศส, อังกฤษ และญี่ปุ่นรวมอยู่ด้วย
วิศวกรชาวไอริชซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตเล่าว่า ทหารแอลจีเรียบุกโจมตีรถจี๊ปบรรทุกตัวประกันรวม 4 คัน หลังกลุ่มติดอาวุธจับชาวต่างชาติไปราว 30 ชั่วโมง ซึ่งผู้บัญชาการทหารแอลจีเรียอธิบายว่าเป็นเพราะกลุ่มติดอาวุธเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดทางให้พวกเขานำตัวประกันออกนอกประเทศ
แหล่งข่าวระบุว่า ในจำนวนผู้เสียชีวิตชาวต่างชาติอย่างน้อย 7 รายเป็นตัวประกันชาวญี่ปุ่น 2 คน, ชาวอังกฤษ 2 คน และชาวฝรั่งเศสอีก 1 คน ส่วนผู้เสียชีวิตคนอื่นๆ รวมถึงตัวประกันที่อาจจะหลบหนีไปได้อีกหลายสิบคนยังไม่สามารถระบุสัญชาติได้
สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นอ้างข้อมูลจากบริษัทวิศวกรรม เจจีซี ซึ่งระบุว่ายังมีคนงานชาวญี่ปุ่นอีก 14 รายที่ยังไม่ทราบชะตากรรม
นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน แห่งอังกฤษ แถลงผ่านโฆษกว่า รัฐบาลแอลจีเรียควรจะขอคำปรึกษาก่อนลงมือปฏิบัติการใดๆ พร้อมเตือนให้สังคมเตรียมใจรับฟังข่าวร้ายเพิ่มเติม และยังเลื่อนการแถลงนโยบายในวันนี้ (18) ออกไปก่อนเพื่อรอติดตามสถานการณ์
ด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แถลงว่า ยังไม่ทราบชะตากรรมของพลเมืองอเมริกันที่ถูกกลุ่มติดอาวุธแอลจีเรียจับตัวไป แต่วอชิงตันและพันธมิตรในยุโรปยังพร้อมสนับสนุนปฏิบัติการทางทหารของฝรั่งเศสในมาลี ซึ่งส่งเครื่องบินเข้าไปโจมตีกลุ่มติดอาวุธอย่างหนักหน่วงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเตรียมส่งทหารอีก 1,400 นายเข้าไปป้องกันเมืองหลวงของมาลีจากการรุกรานของกองกำลังอิสลามิสต์
กลุ่มอิสลามิสต์เรียกร้องให้แอลจีเรียถอนทหารออกไปจากพื้นที่โรงก๊าซก่อนจะเริ่มเจรจาใดๆ ทั้งยังเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวสมาชิกกลุ่มติดอาวุธที่ถูกจับในมาลีด้วย ขณะที่รัฐบาลแอลจีเรียยืนยันจะไม่เจรจากับกลุ่มก่อความไม่สงบซึ่งยังคงมีอิทธิพลอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ
จากสถานการณ์ที่กลุ่มติดอาวุธสามารถบุกยึดแหล่งก๊าซซึ่งตั้งอยู่กลางทะเลทรายสะฮาราได้อย่างง่ายดาย ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในโรงก๊าซ ซึ่งเป็นกิจการร่วมทุนระหว่างบริษัท บีพี ของอังกฤษ, สแตทออยล์ ของนอร์เวย์ และบริษัทพลังงาน โซนาตราค ของรัฐบาลแอลจีเรีย
กลุ่มคนร้ายลักพาตัวยืนยันในรายงานก่อนหน้านี้ว่า ตัวประกันที่ถูกจับกุมไว้ราว 41 คนมาจากหลากหลายประเทศ ได้แก่ นอร์เวย์ ฝรั่งเศส สหรัฐฯ อังกฤษ โรมาเนีย โคลอมเบีย ฟิลิปปินส์ ไอร์แลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เยอรมนี อาร์มีเนีย และไทย