เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการตระเวนเยือน 3 ชาติอาเซียน ในเที่ยวเดินทางสู่ต่างประเทศเที่ยวแรกนับแต่เข้าดำรงตำแหน่ง กล่าวที่กรุงฮานอยเมื่อวันพุธ(16)ว่า เวียดนามกับญี่ปุ่นจะต้อง “แสดงบทบาทอย่างแข็งขันเพิ่มมากขึ้น” ในการธำรงรักษาสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค และควรที่จะเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างกันให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในท่ามกลาง “พัฒนาการต่างๆ ซึ่งกำลังท้าทาย” ทั้งนี้แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อออกมาตรงๆ แต่ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่า เขามุ่งที่จะพาดพิงถึงท่าทีที่แข็งกร้าวมากขึ้นของจีน ซึ่งก่อให้เกิดความตึงเครียดทางทะเลกับหลายชาติเพื่อนบ้าน
ภายหลังการเจรจาหารือกันระหว่างนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกับเหล่าผู้นำเวียดนามที่กรุงฮานอย ทั้งสองฝ่ายต่างระบุว่าจะทำงานเพื่อไปสู่ความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น
ทั้งญี่ปุ่นและเวียดนามต่างมีกรณีพิพาทช่วงชิงดินแดนในทะเลอยู่กับจีน โดยที่การพิพาทกันนี้ได้ทวีความระอุดุเดือดในช่วงเร็วๆ นี้ และอาเบะก็แถลงข่าวผ่านล่ามแปลภายหลังการเจรจาหารือ ด้วยการกล่าวเป็นนัยๆ ถึง “พัฒนาการต่างๆ ซึ่งกำลังท้าทาย” จากนั้นก็บอกว่า ญี่ปุ่นกับเวียดนามควรที่จะทำให้ความสัมพันธ์ที่มีอยู่ระหว่างกันเพิ่มความลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ประเทศทั้งสอง “ควรที่จะเพิ่มการสนทนากันในทางการเมืองและทางด้านความมั่นคง และร่วมกันทำงาน” เขากล่าว และพูดต่อไปว่า ญี่ปุ่นกับเวียดนาม “ได้ตกลงเห็นพ้องกันที่จะส่งเสริมการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กัน และแสดงบทบาทอย่างแข็งขันเพิ่มมากขึ้นในสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค”
อาเบะซึ่งชนะการเลือกตั้งอย่างงดงามในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ด้วยการประกาศท่าทีแข็งกร้าวในกรณีพิพาททางดินแดนกับจีน ได้พบปะหารือกับเหล่าผู้นำเวียดนาม รวมทั้งนายกรัฐมนตรีเหวียน เติ๋น ยุ๋ง (Nguyen Tan Dung) และประธานาธิบดีเจือง เติ๋น ชาง (Truong Tan Sang)
เขาจะอยู่ในเวียดนามไม่ถึง 24 ชั่วโมง ต่อจากนั้นจึงเดินทางมายังไทยในวันพฤหัสบดี (17) และปิดท้ายด้วยอินโดนีเซีย ในความพยายามที่จะเพิ่มพูนความสัมพันธ์กับเขตเศรษฐกิจที่คึกคักมีชีวิตชีวาของสมาคมอาเซียน
ทั้งนี้ มีรายงานว่าอาเบะเตรียมที่จะกล่าวปราศรัยด้านนโยบายครั้งสำคัญที่กรุงจาการ์ตาด้วย
ทางด้านนายกรัฐมนตรียุ๋ง ของเวียดนาม กล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับอาเบะว่า ประเทศทั้งสองต่างต้องการให้กรณีพิพาททั้งหลายทั้งปวงในภูมิภาค ได้รับการแก้ไข “โดยผ่านการเจรจากันอย่างสันติบนพื้นฐานแห่งกฎหมายระหว่างประเทศ”
ญี่ปุ่นในปัจจุบันมีฐานะเป็นชาติผู้ให้ความช่วยเหลือรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม และเมื่อวันพุธ อาเบะ กับ ยุ๋ง ก็ประกาศว่าญี่ปุ่นจะให้ความช่วยเหลือก้อนใหม่มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ แต่ไม่ได้แจกแจงรายละเอียด