รอยเตอร์ - ค่าใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯ จะชนเพดานภายในกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งหากไม่มีการปรับเพิ่มเพดานก่อหนี้ อาจส่งผลกระเทือนถึงเศรษฐกิจและความน่าเชื่อถือของประเทศ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ แถลงเตือนวานนี้ (14)
ทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยื่นจดหมายเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งเพิ่มเพดานก่อหนี้จากเดิม 16.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ มิเช่นนั้นเศรษฐกิจเมืองลุงแซมอาจพังครืน “อย่างไม่มีทางกู้ได้”
หากไม่เพิ่มเพดานก่อหนี้ สหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะล้มละลาย และไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายราว 80 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน (ราว 2,400 ล้านบาท) ซึ่งครอบคลุมเงินอุดหนุนระบบประกันสุขภาพ “เมดิเคด” และ “เมดิแคร์” ตลอดจนเงินเดือนทหารและตำรวจ
“ขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจด้วยว่า ความน่าเชื่อถือของประเทศชาติไม่ควรนำมาเป็นข้อต่อรองหรือตัวประกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเมือง” ไกธ์เนอร์ ชี้แจงในจดหมายที่ส่งถึงบรรดาผู้นำคองเกรส รวมถึง จอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรครีพับลิกัน
สมาชิกพรรครีพับลิกันจำนวนไม่น้อยขู่ว่าพร้อมจะปล่อยให้สหรัฐฯเข้าสู่ภาวะล้มละลาย หรือแม้แต่รัฐบาลล่ม เพื่อบีบให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ต้องยอมตัดลดงบประมาณรายจ่ายลงกว่าเดิม
อย่างไรก็ดี โอบามา ปฏิเสธชัดเจนวานนี้ (14) ว่าไม่ขอเจรจากับรีพับลิกันเรื่องเพิ่มเพดานก่อหนี้
ไกธ์เนอร์แถลงว่า กระทรวงการคลังจะแจ้งกำหนดเวลาที่ชัดเจนอีกครั้งว่าเมื่อใดที่กระทรวงฯจะหมดศักยภาพในการจ่ายหนี้ของรัฐได้อีกต่อไป ซึ่งกำหนดเวลาที่ว่านี้ก็ยากที่จะระบุ เพราะรายได้จากเงินภาษีหรือเงินจ่ายคืนภาครัฐอาจไม่แน่นอน