รอยเตอร์ - ยอดผู้เสียชีวิตจากสงครามกลางเมืองซีเรียเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 60,000 คนแล้ว ขณะที่การสู้รบระหว่างฝ่ายกบฏและกองทัพประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ยังไม่มีแนวโน้มที่จะยุติลง องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แถลงวานนี้(2)
ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศบริเวณสถานีบริการน้ำมันชานกรุงดามัสกัส ทำให้ผู้ใช้รถนับสิบคนที่แห่เข้าไปเติมน้ำมันเสียชีวิตคากองเพลิง นักเคลื่อนไหวฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเผย
“ผมนับได้ประมาณ 30 ศพ มีทั้งที่ถูกเผาจนไหม้เกรียมและอยู่ในสภาพกระจัดกระจาย” อาบู สะอีด นักเคลื่อนไหวฝ่ายกบฏซึ่งเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุในย่านมูเลย์ฮาทางตะวันออกของกรุงดามัสกัส ในเวลาประมาณ 13.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (18.00 น.ตามเวลาในไทย) ระบุ
กองกำลังกบฏซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศยังบุกโจมตีสนามบินทหาร และอ้างว่าสามารถทำลายเครื่องบินรบและเฮลิคอปเตอร์ที่จอดอยู่ได้อย่างละลำ
นาวี พิลเลย์ ข้าหลวงใหญ่ฝ่ายกิจการสิทธิมนุษยชนของยูเอ็น แถลงที่กรุงเจนีวา ว่านักวิจัยได้ตรวจทานข้อมูลจาก 7 แหล่งข่าวตลอด 5 เดือน จนสรุปได้ว่า ระหว่างวันที่ 15 มีนาคม ปี 2011 จนถึง 30 มิถุนายน ปี 2012 มีประชาชนถูกสังหารในซีเรียไปแล้วประมาณ 59,648 คน
“ยอดผู้เสียชีวิตสูงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ และถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจ” พิลเลย์แถลง
“เนื่องจากการต่อสู้ยังไม่บรรเทาความรุนแรงลงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน เราจึงสรุปได้ว่า ต้นปี 2013 มีผู้เสียชีวิตในซีเรียไปแล้วทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 60,000 คน”
ทั้งนี้ ยูเอ็นมิได้แบ่งแยกผู้เสียชีวิตออกตามสัญชาติ และมิได้ระบุว่าเป็นกบฏ, ทหาร หรือพลเรือน
ก่อนหน้านี้ ศูนย์สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียในกรุงลอนดอนซึ่งเป็นองค์กรที่เอียงข้างฝ่ายกบฏ ระบุยอดรวมผู้เสียชีวิตไว้ประมาณ 45,000 คน แต่ก็ชี้ว่าตัวเลขจริงอาจจะสูงยิ่งกว่านี้