เอเอฟพี - พลุไฟสว่างไสวสวยงามตระการตาถูกจุดเหนือท้องฟ้าประเทศต่างๆของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ร่วมเฉลิมฉลองวาระส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปี 2013 ณ เวลา 00.00 น. โดยเฉพาะที่พม่าซึ่งจัดงานเคาน์ดาวน์รับปีใหม่เป็นครั้งแรก ผิดกับทางอินเดีย ที่เป็นบรรยากาศแห่งความสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยแก่เหยื่อถูกรุมข่มขืนบนรถเมล์
ออสเตรเลีย เป็นประเทศแรกๆ ที่ได้ฉลองปีใหม่ผู้คนจำนวนมาก พากันจับจองพื้นที่ที่ดีที่สุดเพื่อชมการแสดงดอกไม้ไฟ นับถอยหลังส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่อย่างยิ่งใหญ่เหนือสะพานฮาร์เบอร์ และ โอเปร่า เฮาส์ ริมอ่าวซิดนีย์
จนถึงเวลาเที่ยงคืน พลุไฟก็ถูกยิงขึ้นจากเรือและเจ็ตสกีที่จอดอยู่ในท่าลอยขึ้นไปแตกระยิบระยับสว่างไสวบนท้องฟ้า ขณะที่พลุไฟแบบน้ำตกก็หลั่งรินลงจากสะพานฮาร์เบอร์ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่คาดหมายว่ามีประชาชนที่ร่วมเคาน์ดาวน์ปีนี้มากกว่า 1.5 ล้านคน
ที่พม่า มีประชาชนราวๆ 50,000 คนมาร่วมงานฉลอง ซึ่งจัดขึ้นที่สนามขนาดใหญ่ในนครย่างกุ้ง โดยมีฉากหลังเป็นเจดีย์ชเวดากองที่มีชื่อเสียง นับเป็นการเคาน์ดาวน์จุดพลุไฟฉลองต้อนรับปีใหม่ในที่สาธารณะครั้งแรกของประเทศแห่งนี้ อันเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าพม่าเริ่มเปิดประเทศมากขึ้น หลังหลายทศวรรษก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีการจัดงานลักษณะนี้มาก่อน ในช่วงที่พม่ายังปกครองโดยรัฐบาลทหาร
ที่ผ่านมา การจัดงานฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในพม่าเป็นการจัดขึ้นโดยส่วนตัว หรือภายในโรงแรม แต่ไม่มีการจุดพลุและจัดงานฉลองในที่สาธารณะ
ท่ามกลางงานเฉลิมฉลองต่างๆ เหล่าเจ้าหน้าที่ในกรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ ต้องคอยรับมือกับผู้ได้รับบาดเจ็บจากการเล่นพลุไฟที่ผลิตเองและยิงปืนฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เข้มข้นกว่าทุกปี
โดยกระทรวงสาธารณสุขแถลงเมื่อช่วงบ่ายวันจันทร์(31) ว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้นจากการเล่นพลุกับดอกไม้ไฟเป็น 186 คนแล้วนับตั้งแต่ช่วงเทศกาลคริสต์มาสเป็นต้นมา ในจำนวนนี้แยกเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บที่ดวงตา 33 ราย และ อีก 6 รายถึงขั้นตัดแขนขาทิ้ง
ส่วนตามจังหวัดต่างๆทางใต้ของฟิลิปปินส์ ที่ถูกพายุโบพาถล่มจนย่อยยับ คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 1,067 ศพเมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคม พรที่เหล่าผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่ต้องการในวาระปีใหม่นี้ก็คืออาหาร งานและที่พักพิงถาวร
ในกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ ประชาชนนับแสนคน แห่ร่วมพิธีเคาะระฆังยักษ์โบซินคัก 33 ครั้ง ต้อนรับปีใหม่ ประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ขณะที่ตามสถานที่ต่างๆก็มีการเฉลิมฉลองกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะบริเวณย่านกังนัม ที่มีการจุดแสดงพลุไฟ ดนตรีและจัดปาร์ตีตามท้องถนนต่างๆ
ไต้หวัน
วันขึ้นปีใหม่ถือเป็นวันครอบครัวในญี่ปุ่น ดังนั้นประชาชนหลายล้านคนจึงนิยมเดินทางไปตามวัดและศาลเจ้าต่างๆ เพื่อสักการะและสวดมนต์ภาวนามากกว่า จากนั้นก็แต่ละครอบครัวก็ร่วมกันทานโซบะและดูทีวีด้วยกัน
ที่ไต้หวัน นักท่องเที่ยวหลายพันคนไม่หวั่นกลัวต่อลมหนาว หลั่งไหลไปร่วมตัวกันที่ลานด้านหน้าของศาลากลางนครไทเป ซึ่งจัดงานฉลองต้อนรับปีใหม่ด้วยคอนเสิร์ตของศิลปินชื่อดัง ขณะที่พลุไฟจากอาคารไทเป 101 ตึดสูงติดอันดับต้นๆของโลกก็สวยงามอลังการไม่แพ้ปีก่อนๆ
นอกจากที่กล่าวมานั้น ยังมีอีกหลายชาติและเขตแดนที่จัดแสดงพลุไฟและเสียงสีเสียงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่อย่างอลังการ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณอ่าววิคตอเรีย ของฮ่องกง ตึกแฝดเปโตรนาส ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย หรือแม้แต่ตามเมืองต่างๆทั่วประเทศจีน
อย่างไรก็ตามบรรยากาศในอินเดีย ขัดแย้งกับประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเชีย-แปซฺฟิกโดยสิ้นเชิง ตามหลังการเสียชีวิตของเหยื่อถูกรุมข่มขืนบนรถเมล์ เจ้าหน้าที่ทหารจึงส่งยกเลิกงานฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ขณะที่โรงแรม บาร์และสถานที่ท่องเที่ยว ก็ลดระดับความครื้นเครงตามงานปาร์ตีต่างๆลง เพื่อแสดงความไว้อาลัยและเคารพแก่นักศึกษาสาวคนดังกล่าว