xs
xsm
sm
md
lg

ปธน.อียิปต์ลงนามประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ฝ่ายค้านยืนยัน “สู้ต่อ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รัฐสภาของอียิปต์
เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด มอร์ซี ของอียิปต์ เร่งรีบลงนามประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประเทศในวันพุธ (26) หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้งแถลงในคืนวันอังคาร (25) รับรองผลการลงประชามติซึ่งออกมาว่ามีเสียงสนับสนุน 64% พร้อมกับปฏิเสธข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านที่ว่า มีการตุกติกในกระบวนการลงประชามติ ด้านกลุ่มพันธมิตรฝ่ายค้านประกาศเดินหน้าสู้ต่อ บ่งชี้ว่าสถานการณ์ในอียิปต์จะยังคงระส่ำระสายข้ามปี

ซามีร์ อาบูล มาตี ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติของอียิปต์ แถลงเมื่อคืนวันอังคาร (25) ว่า รัฐธรรมนูญได้รับการสนับสนุนด้วยคะแนน 63.8% จากการลงประชามติซึ่งจัดกันเป็น 2 รอบในเดือนนี้ ขณะที่จำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิมี 32.9%

มาตีเสริมว่า ไม่พบหลักฐานใดๆ ตามที่ฝ่ายค้านกล่าวหาว่า มีผู้อ้างตัวเป็นผู้พิพากษาปลอมแปลงแฝงตัวเข้าไปทำหน้าที่กำกับดูแลการเลือกตั้ง แต่ยอมรับว่าผลการลงคะแนนในบางคูหาเป็นโมฆะเนื่องจากมีการปิดหีบก่อนกำหนด

ขณะที่ประธานาธิบดีมอร์ซี แถลงว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้การปกป้องชนกลุ่มน้อยอย่างเพียงพอ และจำเป็นต้องเร่งรัดให้มีผลบังคับใช้ เพื่อยุติความไม่สงบและความไร้เสถียรภาพทางการเมืองที่ยืดเยื้อมาสองปีและบ่อนทำลายเศรษฐกิจ

หลังการประกาศรับรองผลการลงประชามติแล้ว แทบจะในทันทีนั้นก็มีผู้ประท้วงกลุ่มเล็กๆ จุดไฟเผายางและปิดกั้นการจราจรใกล้จัตุรัสตอห์รี ใจกลางกรุงไคโร อันเป็นศูนย์กลางการชุมนุมต่อสู้ของชาวอียิปต์ตั้งแต่ตอนโค่นล้มอดีตประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัก ทว่า ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ความรุนแรงหรือการชุมนุมขนาดใหญ่แต่อย่างใด

ต่อมาในวันพุธ ประธานาธิบดีมอร์ซีได้รีบลงนามประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งร่างขึ้นโดยบรรดาพันธมิตรอิสลามิสต์ของเขา

ทั้งพวกเสรีนิยมและชาวคริสเตียนต่างคว่ำบาตรไม่ยอมเข้าร่วมในการร่างหลักกฎหมายสูงสุดของประเทศฉบับนี้ เพื่อประท้วงสิ่งที่พวกเขากล่าวหาว่าเป็นความพยายามอย่างดึงดันของฝ่ายอิสลามิสต์ที่จะจัดทำรัฐธรรมนูญซึ่งมุ่งลดทอนการเคารพสิทธิมนุษยชนด้านต่างๆ โดยเฉพาะสิทธิของสตรี รวมทั้งยังเป็นไปได้ที่จะเป็นการแผ้วถางทางให้แก่การนำเอาหลักกฎหมายอิสลามแบบเคร่งจารีตมาบังคับใช้

ในวันพุธเช่นกัน วุฒิสภาที่เสียงส่วนใหญ่เป็นของฝ่ายอิสลามิสต์ก็ได้เปิดประชุม เพื่อให้สมาชิกใหม่ 90 คนซึ่งแต่งตั้งโดยมอร์ซี สาบานตนรับตำแหน่ง เป็นที่คาดหมายกันว่า วุฒิสภาแห่งนี้จะเร่งร่างกฎหมายเลือกตั้ง เพื่อใช้สำหรับการจัดเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า

ทางด้านฝ่ายค้านซึ่งรวมตัวเป็นกลุ่มพันธมิตรที่มีชื่อว่า แนวร่วมกู้ชาติ (เนชันแนล ซัลเวชัน ฟรอนต์) แถลงว่า จะลงแข่งขันเพื่อชิงที่นั่งในรัฐสภา ซึ่งตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังคงมีอำนาจที่จะขัดขวางความสามารถในการปกครองประเทศของประธานาธิบดี

“เราจะทำงานด้วยกันเพื่อลงแข่งขันในการเลือกตั้ง” คอเลด ดาวูด โฆษกของแนวร่วมกู้ชาติ แถลง

เขากล่าวด้วยว่า ทางพันธมิตรฝ่ายค้านยังจะใช้วิธีการทางกฎหมายอื่นๆ เพื่อคัดค้านผลการลงประชามติรัฐธรรมนูญต่อไป

ในส่วนของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ให้งบประมาณความช่วยเหลือแก่ฝ่ายทหารที่มีอิทธิพลสูงยิ่งของอียิปต์ปีละ 1,300 ล้านดอลลาร์ แพทริก เวนเทรลล์ รักษาการโฆษกกระทรวงต่างประเทศอเมริกัน แถลงเรียกร้องให้มอร์ซีตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการยุติความขัดแย้ง สร้างความไว้วางใจ และขยายฐานการสนับสนุนกระบวนการทางการเมือง

ขณะที่ แคทเธอลีน แอชตัน ประธานฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) ชี้ว่าแม้รัฐธรรมนูญใหม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ออกเสียงชาวอียิปต์ส่วนใหญ่ แต่จำนวนผู้ไปใช้สิทธิทั้งสิ้นก็จัดว่าเบาบาง พร้อมกันนั้นเธอได้เรียกร้องให้มอร์ซีทุ่มเทความพยายามในการเปิดเจรจากับฝ่ายค้าน

ทั้งนี้ ความไม่สงบที่ลุกลามนับจากการปฏิวัติโค่นล้มมูบารัค เมื่อต้นปีที่แล้ว กำลังผลักดันให้เจ้าหนี้ นักลงทุน และนักท่องเที่ยวจำนวนมาก พากันหันหลังให้อียิปต์

ในเดือนนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประกาศระงับการปล่อยเงินกู้ 4,800 ล้านดอลลาร์ ที่ไคโรต้องใช้เพื่อป้องกันค่าเงินล่มสลาย จากนั้นในวันจันทร์ (24) ที่ผ่านมา สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (เอสแอนด์พี) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ระยะยาวของอียิปต์เป็น B- เนื่องจากไม่มีทีท่าว่าความตึงเครียดทางการเมืองจะคลี่คลายลง

สัญญาณล่าสุดที่ตอกย้ำว่า ความไม่สงบกำลังบ่อนทำลายเศรษฐกิจอียิปต์ คือ รัฐบาลเพิ่งออกคำสั่งใหม่เพื่อป้องกันเงินทุนไหลออก โดยห้ามพกพาเงินสดเกิน 10,000 ดอลลาร์เข้าหรือออกนอกประเทศ

คำสั่งนี้มีขึ้นหลังจากแบงก์ชาติประกาศจะดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อปกป้องธนาคารพาณิชย์ ส่งผลให้ชาวอียิปต์บางส่วนเริ่มถอนเงินฝากออกมาเก็บไว้กับตัวแทน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีไฮชาม แกนกิล ยังประกาศว่าจะขึ้นภาษีและลดการใช้จ่ายเพื่อให้ตรงตามเงื่อนไขในการรับเงินกู้จากไอเอ็มเอฟ รวมทั้งดำเนินการเพื่อกระตุ้นการเติบโต ส่งเสริมการจ้างงาน ควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคส่งออกของประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น