รอยเตอร์ - มาตรการรักษาความปลอดภัยที่สถานกงสุลสหรัฐฯในเมืองเบงกาซีของลิเบียหละหลวมเกินไป จนไม่อาจป้องกันการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธเมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมาได้ และยังสะท้อนถึงระบบการทำงานที่บกพร่องภายในกระทรวงการต่างประเทศด้วย ผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการของรัฐบาลสหรัฐฯเผย วานนี้(18)
รายงานจากคณะกรรมการตรวจสอบความรับผิดชอบ (Accountability Review Board) กรณีกลุ่มติดอาวุธโจมตีสถานกงสุลในเมืองเบงกาซี ตำหนิ “ความบกพร่องเชิงภาวะผู้นำและการจัดการ” ภายใน 2 หน่วยงานของกระทรวงการต่างประเทศ ตลอดจนการขาดความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ และ “ความสับสน” ขณะเกิดเหตุว่าใครคือผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจในส่วนของนโยบายความปลอดภัย
เหตุโจมตีสถานทูตสหรัฐฯในเมืองเบงกาซีส่งผลให้เอกอัครราชทูต คริส สตีเวนส์ และเจ้าหน้าที่อเมริกันอีก 3 คนเสียชีวิต และเป็นความผิดพลาดของวอชิงตันที่พรรครีพับลิกันนำมาโจมตีประธานาธิบดี บารัค โอบามา ก่อนถึงศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน
ผลประเมินที่เต็มไปด้วยถ้อยคำวิจารณ์รุนแรง ทำให้ผลงานอันโดดเด่นของ ฮิลลารี คลินตัน ในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาต้องมัวหมองลงไป ขณะที่เธอก็ระบุในจดหมายที่ส่งแนบมาด้วยว่า ยินดีน้อมรับทุกคำแนะนำ
“ความล้มเหลวอย่างเป็นระบบ รวมถึงความบกพร่องในเชิงภาวะผู้นำและการจัดการของเจ้าหน้าที่อาวุโสจาก 2 หน่วยงานในกระทรวงการต่างประเทศ เป็นเหตุให้มาตรการรักษาความปลอดภัยในเมืองเบงกาซีหละหลวมเกินไป และไม่เพียงพอที่จะรับมือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น” รายงานดังกล่าวระบุ โดยตำหนิการทำงานที่บกพร่องของสำนักงานกิจการตะวันออกใกล้ และสำนักงานความมั่นคงทางการทูตโดยตรง
เหตุการณ์ที่เมืองเบงกาซีทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยสถานทูตสหรัฐฯทั่วโลก รวมถึงคำถามที่ว่า ความสมดุลระหว่างการปกป้องชาวอเมริกันที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่เสี่ยงภัย กับการให้เสรีภาพแก่พวกเขาในการทำงาน ควรจะอยู่ที่ตรงไหน
จอน อัลเทอร์แมน หัวหน้าโครงการตะวันออกกลาง สถาบันเพื่อการศึกษายุทธศาสตร์และกิจการระหว่างประเทศ (CSIS) ชี้ว่า ผลการประเมินทำให้ภาพลักษณ์ของ คลินตัน มัวหมอง และข้อแนะนำที่เสนอขึ้นมาก็จะยิ่งทำให้นักการทูตในต่างแดนทำงานลำบากขึ้น
“รายงานฉบับนี้เน้นถึงการขาดแคลนภาวะผู้นำและการจัดการที่เหมาะสมในเรื่องความปลอดภัย และเมื่อรายงานไม่ได้กล่าวยกเว้นใคร คลินตัน ก็ต้องรับผิดไปด้วย” อัลเทอร์แมน กล่าว
เหตุถล่มสถานกงสุลเมืองเบงกาซีซึ่งกลายเป็นประเด็นการเมืองในสหรัฐฯ มีบุคคลสำคัญตกเป็นเหยื่อแล้ว 1 ราย นั่นก็คือ ซูซาน ไรซ์ ผู้แทนถาวรสหรัฐฯประจำองค์การสหประชาชาติ ซึ่งขอถอนตัวจากการชิงเก้าอี้รัฐมนตรีต่างประเทศเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยให้เหตุผลว่า ไม่ต้องการเจออุปสรรคในการขอคำรับรองจากวุฒิสภา
หลังเหตุการณ์ที่เมืองเบงกาซีเกิดขึ้นได้ไม่กี่วัน ไรซ์ ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านรายการทอล์คโชว์ต่างๆว่า ข้อมูลในเบื้องต้นบ่งชี้ว่า การบุกสถานกงสุลเป็นผลมาจากการประท้วงคลิปภาพยนตร์หมิ่นอิสลามที่ถ่ายทำขึ้นในรัฐแคลิฟอร์เนีย และไม่มีการตระเตรียมไว้ล่วงหน้า ทว่าเมื่อตรวจสอบภายหลังกลับพบว่า ก่อนเกิดเหตุไม่ได้มีชาวลิเบียออกมาประท้วงหน้าสถานกงสุลเหมือนอย่างที่ ไรซ์ กล่าวอ้าง ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้เธอถูก ส.ส.รีพับลิกัน ตำหนิอย่างรุนแรง
ไรซ์ ออกมาอธิบายหลังจากนั้นว่า เธอเพียงแต่อ้างข้อมูลเบื้องต้นจากเจ้าหน้าที่ข่าวกรองเท่านั้น