xs
xsm
sm
md
lg

Analysis : ความสำเร็จในการยิงดาวเทียมชี้ “โสมแดง” คือภัยคุกคามอันดับต้นๆ ของสหรัฐฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้นำ คิม จอง อึน แห่งเกาหลีเหนือ
เอเอฟพี - ความสำเร็จของเกาหลีเหนือในการส่งดาวเทียมกวางเมียงซอง-3 ขึ้นสู่วงโคจรในวันนี้ (12) คือหลักฐานที่ชัดเจนว่า โครงการพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลของโสมแดงได้ก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งทำให้รัฐที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลกแห่งนี้กลายเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ โดยตรง นักวิเคราะห์เตือน

แม้เกาหลีเหนือจะยังต้องฟันฝ่าปัญหาด้านเทคนิคอีกมากเพื่อที่จะออกแบบ, ติดตั้ง และส่งขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ตรงเป้าหมาย ทว่าความสำเร็จในการยิงดาวเทียมสู่อวกาศก็ถือเป็นพัฒนาการก้าวสำคัญในเชิงศักยภาพของกองทัพโสมแดง

“การยิงดาวเทียมครั้งนี้จะทำให้ถ้อยแถลงของเกาหลีเหนือฟังดูน่าเชื่อถือขึ้น หากวันหนึ่งพวกเขาอ้างว่ามีขีปนาวุธที่โจมตีถึงดินแดนสหรัฐฯ ได้... หลายคนคงยากจะปฏิเสธ เมื่อเกาหลีเหนือทำสำเร็จไปแล้วเช่นนี้” เจมส์ ชอฟฟ์ นักวิเคราะห์จากกองทุนคาร์เนกีเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศ และอดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เกาหลีเหนือประกาศครอบครองขีปนาวุธพิสัยไกลซึ่งสามารถโจมตีเป้าหมายในสหรัฐฯได้แล้ว ทว่าขณะนั้นผู้เชี่ยวชาญต่างมองว่าเป็นแค่ราคาคุยของรัฐบาลโสมแดงมากกว่า

มาซาโอะ โอโกโนกิ อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองเกาหลีจากมหาวิทยาลัยเคอิโอะ ยอมรับว่าการส่งดาวเทียมในวันนี้ (12) จะทำให้เกาหลีเหนือกลายเป็นภัยคุกคามความมั่นคงลำดับต้นๆ ของสหรัฐฯ

“เมื่อคุณยิงดาวเทียมได้ก็หมายความว่าคุณมีเทคโนโลยีก้าวหน้าพอที่จะส่งหัวรบไปยังเป้าหมายได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น วันนี้เกาหลีเหนือไม่ใช่แค่ภัยคุกคามของเพื่อนบ้าน แต่ยังเป็นภัยต่อสหรัฐฯ ด้วย”

“สิ่งที่ต้องตั้งคำถามต่อไปก็คือ เกาหลีเหนือส่งดาวเทียมเข้าสู่วงโคจรได้แม่นยำขนาดไหน”

เจ้าหน้าที่วอชิงตัน และโซล ระบุว่า คงต้องใช้เวลาอีกหลายวันจึงจะวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ในการยิงดาวเทียมเกาหลีเหนือได้อย่างละเอียด

แม้ท้ายที่สุดจะปรากฏว่าดาวเทียมโสมแดงเข้าสู่วงโคจรตามแผนที่กำหนด แต่นักวิเคราะห์หลายคนยังมองว่านั่นอาจมิใช่ดัชนีชี้วัดศักยภาพทางทหารของเกาหลีเหนือ เพราะการย่อส่วนอาวุธนิวเคลียร์ให้กลายเป็นหัวรบที่ติดตั้งบนขีปนาวุธได้นั้น ถือเป็นโจทย์ทางเทคนิคที่ท้าทายยิ่งกว่า และยังต้องคำนวณพิสัยยิงเพื่อให้หัวรบโจมตีตรงเป้าหมายที่ต้องการ

“การสร้างขีปนาวุธที่โจมตีได้ถึงฮาวาย กับการทำให้ขีปนาวุธมีความแม่นยำนั้น เป็นคนละเรื่องกัน” ราล์ฟ คอสซา ประธานสถาบันวิจัย แปซิฟิก ฟอรัม ซีเอสไอเอส (Pacific Forum of the Center for Strategic and International Studies) ในรัฐฮาวาย ให้สัมภาษณ์

“จากที่เห็นในวันนี้ พวกเขามีโอกาสสูงมากที่จะโจมตีมหาสมุทรแปซิฟิกได้ แต่อาจไม่ใช่เกาะใดเกาะหนึ่ง หรือเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงยิ่งกว่านั้น”

“อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือก็ก้าวหน้าไปจากเดิมมาก เราจึงต้องเฝ้าระวังพวกเขาอย่างจริงจัง”
ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์เคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนือ รายงานความสำเร็จในการยิงดาวเทียมกวางเมียงซอง-3 ขึ้นสู่วงโคจร เมื่อเช้าที่ผ่านมา(12)
ความคืบหน้าของโครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือยังคงเป็นปริศนาสำหรับโลกภายนอก แต่มีการประเมินว่า เปียงยางน่าจะมีพลูโตเนียมมากพอผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้ 6-8 ลูก

ฮัม ฮยอง-พิล ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิเคราะห์กลาโหมแห่งเกาหลีใต้ ทำนายว่า หลังจากนี้เปียงยางจะต้องเร่งพัฒนาการผลิตหัวรบนิวเคลียร์ และปรับปรุงขีปนาวุธให้มีความแม่นยำขึ้นอย่างแน่นอน

“ส่วนตัวผมเชื่อว่า เกาหลีเหนือคงใช้เวลาอีกไม่นานนักที่จะปรับปรุงเทคโนโลยีทั้ง 2 ด้านนี้ให้สมบูรณ์แบบ โดยอาจจะมีการทดลองอีก 2-3 ครั้ง เพื่อแก้ไขข้อบกพร่อง” ฮัมกล่าว

“สถานการณ์ขณะนี้ถือว่าน่าเป็นห่วงมาก ผมคิดว่าสหรัฐฯ คงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากถือว่าเกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริงและเป็นรูปธรรมสำหรับพวกเขา”

หลายฝ่ายเชื่อว่า คิม จอง อึน ผู้นำหนุ่มแห่งเกาหลีเหนือ เจาะจงให้มีการส่งจรวดในช่วงครบรอบ 1 ปีการถึงแก่อสัญกรรมของอดีตผู้นำ คิม จอง อิล ซึ่งตรงกับวันที่ 17 ธันวาคมนี้

“ความครั้งนี้ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงที่ทำให้สถานะผู้นำประเทศของคิม จอง อึน และอำนาจบารมีของเขาเข้มแข็งยิ่งขึ้น” ยาง มู-จิน อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเกาหลีเหนือศึกษาในกรุงโซล ให้ความเห็น

แผนการส่งจรวด อึนฮา-3 ขึ้นสู่อวกาศเมื่อเดือนเมษายน ซึ่งเกาหลีเหนือเชื้อเชิญสื่อต่างประเทศเข้าไปทำข่าวด้วยนั้น ต้องปิดฉากลงอย่างน่าอับอาย เมื่อจรวดเกิดระเบิดเป็นเสี่ยงๆ หลังปล่อยจากฐานยิงได้เพียงไม่กี่นาที

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเตรียมจัดประชุมด่วนในวันนี้ (12) เพื่อหารือถึงมาตรการตอบโต้ความดื้อรั้นของเปียงยาง โดยสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรเรียกร้องให้ยูเอ็นเพิ่มบทลงโทษที่ได้ประกาศไปตั้งแต่เปียงยางทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ในปี 2006 และ 2009 ให้หนักหน่วงยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจีนซึ่งเป็นมหามิตรเพียงชาติเดียวของเกาหลีเหนือ จะใช้สิทธิ์วีโตเหมือนเช่นที่ผ่านมาหรือไม่
ผู้โดยสารรถไฟในกรุงโซลต่างหยุดยืนดูข่าวการยิงจรวดส่งเทียมของเกาหลีเหนือ ซึ่งเกิดขึ้นหมาดๆเมื่อเช้าวันนี้(12)
กำลังโหลดความคิดเห็น