รอยเตอร์ - ยอดจำหน่ายสินค้าออนไลน์ในสหรัฐฯ พุ่งทะลุหลัก 1,000 ล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก ในวัน “แบล็กฟรายเดย์” หรือวันลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ ประจำปีนี้ เนื่องจากประชาชนหันมาใช้อินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางจับจ่ายสินค้าล่วงหน้า ตามข้อมูลจากบริษัท คอมสกอร์ (comScore) วานนี้ (25)
ยอดขายสินค้าออนไลน์ในสหรัฐฯ ขยับขึ้น 26% ในวันแบล็กฟรายเดย์ (23) ปีนี้ มาอยู่ที่ 1.04 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับสถิติ 816 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปีที่แล้ว
เว็บไซต์ เอมะซอน เป็นเว็บจำหน่ายสินค้าปลีกที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในวันดังกล่าว และมีสถิติผู้เข้าชมปีต่อปีเพิ่มขึ้นสูงสุดในกลุ่มเว็บจำหน่ายสินค้ายอดนิยม 5 อันดับแรก ตามมาด้วยเว็บไซต์วอลล์-มาร์ท, เบสต์บาย, ทาร์เก็ต คอร์ป และ แอปเปิล อิงก์ ข้อมูลจากคอมสกอร์ระบุ
การบอกรับสื่อออนไลน์ประเภทอีบุ๊ก, เพลง และมิวสิกวิดีโอ เป็นธุรกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกออนไลน์ โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับวันแบล็กฟรายเดย์ปีก่อน
แม้การทำธุรกิจออนไลน์ หรือ อี-คอมเมิร์ซ จะคิดเป็นเพียง 10% ของการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ แต่กลับเติบโตเร็วกว่าการจำหน่ายสินค้าผ่านร้าน (bricks-and-mortar retail) เนื่องจากผู้บริโภคต่างพอใจกับราคาสินค้าที่ถูกกว่า, ความสะดวกสบาย, การจัดส่งที่รวดเร็ว และตัวเลือกที่มีมากกว่า
ด้านบริษัท ชอปเปอร์แทร็ก (ShopperTrak) ซึ่งสำรวจสถิติผู้เดินเข้าร้านค้าปลีกต่างๆ ประเมินว่า วันแบล็กฟรายเดย์ปีนี้น่าจะมียอดจำหน่ายราว 11,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งลดลง 1.8% จากปีที่แล้ว
“การซื้อสินค้าออนไลน์มีสัดส่วนราว 9% ของการจับจ่ายในช่วงวันหยุด แต่อาจจะขยับสูงขึ้นถึง 10% ในเทศกาลแบล็กฟรายเดย์ปีนี้” สก็อต วิงโก ซีอีโอบริษัท แชนเนลแอดไวเซอร์ ซึ่งให้คำปรึกษาต่อผู้ค้าในการทำธุรกิจออนไลน์ รวมถึง Amazon.com และ eBay.com ระบุ
ทั้งนี้ยังไม่แน่ว่ายอดซื้อกระหน่ำในวันแบล็กฟรายเดย์จะทำให้วัน “ไซเบอร์มันเดย์” (Cyber Monday) ซึ่งเป็นวันที่การจับจ่ายสินค้าออนไลน์ในสหรัฐฯคึกคักที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเงียบเหงาลงไปหรือไม่
ผลสำรวจโดยสมาพันธ์ผู้ค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐฯ พบว่า ชาวอเมริกันกว่า 129 ล้านคนเตรียมที่จะซื้อสินค้าออนไลน์ในวันไซเบอร์มันเดย์ (26) เพิ่มขึ้นจากสถิติ 123 ล้านคนในปีที่แล้ว