เอเจนซี - ฝนที่ยังตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำพื้นที่ 1 ใน 3 ของเมืองเวนิส จมอยู่ใต้น้ำแล้วในวันจันทร์(12) และพบเห็นนักท่องเที่ยวกระเสือกกระสนลุยน้ำในแถบจตุรัสเซต์ มาร์ค ขณะที่ระดับน้ำเพิ่มขึ้นแตะ 149 เซนติเมตรเหนือระดับน้ำทะเล ท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้ายที่ยังซัดถล่มทางเหนือและตอนกลางของอิตาลี จนต้องอพยพประชาชนราวๆ 200 คนในแคว้นทัสกานี ออกจากบ้านเรือน
ร้านค้า บ้านเรือนราษฎรและสถานที่ทางประวัติศาสตร์ในเมืองเวนิส กลายสภาพเป็นดินแดนแห่งน้ำ ขณะที่เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าร้อยละ 70 ของเมืองกลางทะเลสาบแห่งนี้ ยังคมจมอยู่ใต้บาดาล
แม้เวนิส จะผจญปัญหาน้ำท่วมเป็นปกติ แต่ระดับน้ำในเมืองเวนิส ที่เพิ่มขึ้นเป็น 149 เซนติเมตรคราวนี้ ถือเป็นอุทกภัยครั้งเลวร้ายที่สุดอันดับ 6 ตลอดกาลของดินแดนแห่งนี้นับตั้งแต่เริ่มต้นบันทึกในปี 1872 ทำให้ประชาชนต้องต้องลุยน้ำที่สูงเกือบถึงเอว ส่วนบ้านเรือน ร้านค้าและอาคารต่างๆ ก็ถูกน้ำท่วมเสียหายและปิดให้บริการ อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถประเมินถึงความเสียหายจากภัยธรรมชาติครั้งนี้
ในแคว้นทัสกานี เกิดฝนตกหนักหนา 23 เซนติเมตรต่อเนื่องยาวนาน 4 ชั่วโมง ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำริคอร์โคลาและปาร์มิกโนลา เอ่อล้นไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร "มันกำลังกลายเป็นหายนะ" โรแบร์โต บุชชี นายกเทศมนตรีเมืองมาสซา คาร์รารา ในทัสกานี หนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด กล่าว "ผมเห็นสะพานตามแถบภูเขาอย่างน้อย 6 แห่งพังเสียหาย เกิดดินถล่มหลายจุด ไร่องุ่นและป่าต้นโอลีฟถูกน้ำซัด ถ้าไม่มีใครเสียชีวิต ก็ถือว่าน่าอัศจรรย์มาก"
สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่าประชาชนหลายสิบครัวเรือนในแถบตอนกลางของอิตาลี ต้องอพยพขึ้นไปอยู่บนหลังคา หลังจากน้ำในแม่น้ำเอ่อล้นตลิ่ง
ด้านคอร์ราโด คลินิ รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมเรียกร้องของบประมาณเพิ่มเติมสำหรับสร้างระบบป้องกันภัย หลังจากคราวนี้นับเป็นหนที่ 4 แล้วนับตั้งแต่ปี 2000 ที่ระดับน้ำในเวนิส เพิ่มขึ้นสูงทุบสถิติเก่าๆ ขณะที่เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมของเมือง กล่าวโทษอุทกภัยครั้งล่าสุดนี้ว่าเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก
ทั้งนี้ศูนย์อุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศว่าสภาพอากาศเลวร้ายจากภาวะฝนตกหนักนี้จะยังคงดำเนินต่อไปจนถึงวันอังคาร(13)