เอเอฟพี - ศาลสหรัฐฯพิพากษาจำคุกชายผู้อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์ดูหมิ่นศาสนาอิสลามที่จุดไฟประท้วงไปทั่วโลกมุสลิม เป็นเวลา 1 ปี ฐานละเมิดเงื่อนไขปล่อยตัวในคดีฉ้อโกงที่ก่อไว้เมื่อ 2 ปีก่อน
มาร์ก แบสลีย์ ยุสเซฟ จะต้องรับโทษในเรือนจำรัฐบาลกลาง หลังยอมรับผิด 4 ข้อหาที่ว่าด้วยการปลอมแปลงเอกลักษณ์ ซึ่งถือว่าละเมิดเงื่อนไขทัณฑ์บนในคดีใช้บัญชีธนาคารปลอมเมื่อปี 2010
ยุสเซฟ วัย 55 ปี ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์ “อินโนเซนส์ ออฟ มุสลิมส์” ซึ่งมีเนื้อหาดูหมิ่นศาสดามูฮัมหมัด จนทำให้มุสลิมทั่วโลกออกมาประท้วงอย่างรุนแรง ภาพยนตร์ฉาวเรื่องนี้ยังเคยถูกอ้างว่าเป็นเหตุให้สถานกงสุลสหรัฐฯในเมืองเบงกาซีของลิเบียถูกโจมตี จนเอกอัครราชทูต คริส สตีเวนส์ ถึงแก่ความตาย
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2009 ศาลรัฐบาลกลางตัดสินให้ ยุสเซฟ และพวกมีความผิดฐานขโมยข้อมูลส่วนบุคคลและหมายเลขประกันสังคมของลูกค้าบริษัทการเงิน Well Fargo ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และถอนเงินจำนวน 860 ดอลลาร์สหรัฐฯออกจากบัญชีของพวกเขา
เขาถูกจับเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาฐานละเมิดเงื่อนไขทัณฑ์บน 8 ข้อ ซึ่งระหว่างขึ้นศาลเมื่อเดือนที่แล้ว ยุสเซฟ ยังคงปฏิเสธทุกข้อหา ทว่าเมื่อวานนี้(7) เขากลับยอมรับผิด 4 กระทง โดยมีเงื่อนไขให้ศาลยกเลิกอีก 4 ข้อกล่าวหา
คริสตินา เอ. สไนเดอร์ ผู้พิพากษาศาลแขวงเปิดเผยว่า ยุสเซฟ ซึ่งถูกคุมขังมาแล้ว 5 สัปดาห์ยังต้องรับโทษจำคุกอีก 12 เดือน ติดตามด้วยทัณฑ์บนอีก 4 ปี
ก่อนหน้านี้ ยุสเซฟ เป็นที่รู้จักในชื่อ นากูลา แบสลีย์ นากูลา และ แซม เบซิล หลังจากที่ภาพยนตร์ต้นทุนต่ำของเขาทำให้ชาวมุสลิมในประเทศต่างๆออกมาประท้วงต่อต้านสหรัฐฯ จุดไฟเผาอาคารสถานที่, โรงเรียน และสำนักงานของชาวอเมริกัน จนมีผู้เสียชีวิตไปหลายสิบคน
ผู้ช่วยอัยการ โรเบิร์ต ดักเดล ให้สัมภาษณ์ว่า ยุสเซฟ หักหลังนักแสดงที่มีส่วนร่วมในภาพยนร์ อินโนเซนส์ ออฟ มุสลิมส์ เพราะไม่เคยแจ้งให้พวกเขาทราบก่อนว่าตัวเองเป็นอาชญากรที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัว
หนุ่มใหญ่ชาวคริสต์นิกายคอปติกคนนี้ยังพากษ์เสียงทับถ้อยคำของนักแสดงหลังจากที่ภาพยนตร์ถ่ายทำเสร็จแล้ว ซึ่งเข้าข่ายการกระทำล่อลวง
อย่างไรก็ตาม สตีฟ เซเดน ทนายฝ่ายจำเลยแย้งว่า ยุสเซฟ มีสิทธิ์ที่จะแก้ไขดัดแปลงภาพยนตร์ของเขาอย่างไรก็ได้ เนื่องจาก “นักแสดงได้เซ็นยินยอมเผยแพร่” ซึ่งเท่ากับพวกเขาได้มอบสิทธิ์ขาดแก่ผู้ผลิตภาพยนตร์แล้ว