เอเอฟพี/เอเจนซี - พายุเฮอริเคน “แซนดี้” ลูกใหญ่โตมหึมาซึ่งมีความกว้างครอบคลุมระยะทางกว่า 780 กิโลเมตร เคลื่อนเข้าสู่พื้นที่ชายฝั่งตะวันออก (อีสต์โคสต์) ของสหรัฐฯ ด้วยกำลังที่รุนแรงมากขึ้นอีกเมื่อวันจันทร์ (29) โดยทำท่าจะสร้างความวิบัติหายนะให้แก่อาณาบริเวณที่มีเมืองขนาดใหญ่ๆ และประชากรหนาแน่นของสหรัฐฯ ทั้งในรูปของคลื่นทะเลที่สูงพุ่งพรวด, ฝนตกกระหน่ำหนัก, ตลอดจนกระแสลมอันแรงจัด ทางด้านเจ้าหน้าที่ได้รีบเร่งรับมือด้วยการอพยพประชาชนหลายแสนคนไปอยู่ในที่สูง, ปิดระบบคมนาคมขนส่งสาธารณะ, ปิดโรงเรียนสถานศึกษาและหน่วยงานรัฐบาล, ขณะที่สถานธุรกิจรวมทั้งตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐฯ ก็ปิดทำการแล้ว
ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติ (NHC) ของสหรัฐฯ แถลงในวันจันทร์ว่า พายุลูกนี้ซึ่งทวีกำลังรุนแรงขึ้นเมื่อเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่ง กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 32 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่พวกนักพยากรณ์อากาศคาดหมายกันว่าแซนดี้จะทำให้เกิดคลื่นทะเลสูงกว่า 3 เมตรจากระดับปกติขึ้นสู่ชายฝั่งในบริเวณนิวยอร์กฮาร์เบอร์ และลองไอส์แลนด์ ซาวด์, กระแสลมพายุเฮอริเคนพัดกระหน่ำบริเวณอีสต์โคสต์, และเกิดหิมะตกหนักในแถบเทือกเขาแอปปาเลเชียน
ตั้งแต่วันอาทิตย์ (28) ที่ผ่านมา ทางการผู้รับผิดชอบในนิวยอร์กได้สั่งสั่งอพยพประชาชน 375,000 คนออกจากพื้นที่ต่ำริมชายฝั่ง ขณะที่เฮอริเคนแซนดี้ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นอีก กำลังทำท่าจะขึ้นสู่ฝั่งอย่างแน่นอนตอนประมาณคืนวันจันทร์ และกดดันให้ประชาชนแถบพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกของอเมริกาทั้งหมดไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้
เที่ยวบินเกือบๆ 9,000 เที่ยวซึ่งบินขึ้นลงบรรดาสนามบินสำคัญต่างๆ ทางแถบอีสต์โคสต์ถูกยกเลิก เช่นเดียวกับการขนส่งภาคพื้นดิน และเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่ไม่มีภารกิจสำคัญได้รับคำสั่งให้หยุดงาน
บริษัทแอมแทร็กประกาศระงับการให้บริการรถประจำทางและรถไฟทั้งหมดในเส้นทางแถบชายฝั่ง บริการรถไฟใต้ดิน รถประจำทาง และรถไฟในนิวยอร์ก ฟิลาเดลเฟีย และวอชิงตัน ก็หยุดให้บริการ
ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ตลาดหลักทรัพย์แนสแดค รวมถึงพวกตลาดฟิวเจอร์สในชิคาโก ต่างปิดทำการในวันจันทร์ (29) และอาจยาวถึงวันอังคาร (30) โดยที่ก่อนหน้านี้ ผู้ดำเนินการตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กยังวางแผนจะเปิดการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่อไปในวันจันทร์ แต่พอถึงตอนดึกวันอาทิตย์ก็เปลี่ยนใจและตัดสินใจปิดทำการเด็ดขาด
สำหรับองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) สั่งยกเลิกการประชุมที่สำนักงานใหญ่ในนิวยอร์ก พวกโรงละครย่านบรอดเวย์และคาร์เนกี้ฮอลล์ปิดให้บริการ โรงเรียนต่างๆ ในบัลติมอร์ บอสตัน และวอชิงตัน รวมถึงเมืองเล็กๆ อีกหลายแห่งระงับการสอน
บทเรียนความผิดพลาดในการรับมือเฮอริเคน “แคทรีนา” ซึ่งถล่มเมืองนิวออร์ลีนส์ ในปี 2005 ที่กลายเป็นจุดด่างพร้อยที่ลบไม่ออกในประวัติการเป็นประธานาธิบดีของจอร์จ ดับเบิลยู บุช ทำให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ไม่กล้าแม้แต่จะเสี่ยง และตัดรายการรณรงค์หาเสียงของเขาในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนจะถึงวันเลือกตั้งวันอังคารหน้า (6พ.ย.) เพื่อมานั่งประจำเตรียมพร้อมอยู่ที่ทำเนียบขาว เขายังสั่งหน่วยงานฉุกเฉินเตรียมพร้อมเต็มที่ และขอให้ประชาชนระมัดระวังไว้ก่อน รวมทั้งปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด
ประธานาธิบดียังลงนามในการประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อนำเงินในกองทุนภัยพิบัติของประเทศออกมาอัดฉีดให้แก่มลรัฐนิวยอร์ก, แมสซาชูเซตส์, คอนเนตทิคัต, แมริแลนด์, ดิสตริกต์ออฟโคลัมเบีย, นิวเจอร์ซีย์, เพนซิลเวเนีย และโรดไอแลนด์
ขณะเดียวกัน ประชาชนที่หวาดกลัวที่อาศัยอยู่ในกรุงวอชิงตัน จนถึงนิวยอร์ก และบอสตัน หลั่งไหลเข้าคิวซื้อเสบียงฉุกเฉินในซูเปอร์มาร์เก็ตเนืองแน่น
ทั้งนี้ หลังจากแผลงฤทธิ์บางส่วนในแถบทะเลแคริบเบียนและทำให้มีผู้เสียชีวิต 66 ราย คาดหมายกันว่าแซนดี้ว่าจะพัดขึ้นฝั่งสหรัฐฯแถวๆ นิวเจอร์ซีย์และเดลาแวร์คืนวันจันทร์หรือเช้าวันอังคาร
ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติ (NHC) แถลงว่า ความเร็วลมของเฮอร์ริเคนลูกนี้ในช่วงคืนวันอาทิตย์ (28) เพิ่มขึ้นเป็น 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จาก 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในช่วงเย็นวันเดียวกัน โดยที่อาณาบริเวณของลมแผ่กว้างกว่า 780 กิโลเมตร ซึ่งหมายความว่าพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบจะกว้างไกลตั้งแต่เซาท์แคโรไลนาจนถึงทางใต้ของแคนาดา โดยบางพื้นที่อาจเผชิญน้ำป่าไหลหลากหรือน้ำท่วมเอ่อจากแม่น้ำ ลมแรง หรือกระทั่งหิมะตกในรัฐทางภาคตะวันออกของสหรัฐฯ รวมถึงรัฐชั้นในอย่างโอไฮโอ รวมทั้งทำให้ไฟฟ้าดับครั้งใหญ่นานหลายวัน
นักพยากรณ์อากาศระบุว่า แซนดี้จะส่งผลกระทบต่อประชาชนราว 50 ล้านคนจากย่านมิดแอตแลนติกจนถึงแคนาดา และอาจเป็นพายุลูกใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพัดถล่มอเมริกา
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ความเสี่ยงจากคอร์โลจิกส์ ยังคาดว่าอาคารที่พักอาศัยเกือบ 284,000 หลัง มูลค่าราว 88,000 ล้านดอลลาร์ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหายจากแซนดี้
NHC ยังตั้งข้อสังเกตว่า แซนดี้มีขนาดใหญ่กว่าและอันตรายกว่าเฮอริเคนไอรีนเมื่อปีที่แล้ว ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 47 คน และสร้างความเสียหายคิดเป็นมูลค่าราว 15,000 ล้านดอลลาร์
ในขณะที่เฮอริเคนแซนดี้ยังไม่ทันขึ้นฝั่ง ก็มีรายงานว่า ลูกเรือ 16 คนของเรือใบสามเสาที่จำลองเรือหลวง “เอชเอ็มเอส เบาน์ตี้” ต้องสละเรือและลงเรือชูชีพในท้องทะเลที่เดือดพล่านด้วยคลื่นลม ณ บริเวณนอกชายนอกนอร์ทแคโรไลนา ภายหลังจากเรือลำนี้เผชิญกับพายุหนัก ทั้งนี้หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (29) เผยว่าได้ส่งเฮลิคอปเตอร์เข้าช่วยเหลือขึ้นมาได้ 14 คน แต่ยังสูญหายอีก 2 คน
เจ้าของเรือลำนี้ ซึ่งต่อขึ้นมาในปี 1962 เพื่อใช้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “มิวทะนี ออน เดอะ เบาน์ตี้” ที่นำแสดงโดย มาร์ลอน แบรนโด อีกทั้งยังปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่อง “ไพเรตส์ ออฟ เดอะ แคริบเบียน” ที่มี จอห์นนี่ เดปป์ เป็นตัวเอก ระบุว่า ไม่สามารถติดต่อกับลูกเรือเหล่านี้ได้ตั้งแต่คืนวันอาทิตย์
