เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-สื่อต่างประเทศรายงานว่าสถานะของประเทศไทยในการเป็นผู้ส่งออกข้าวเบอร์หนึ่งของโลกกำลังถูกสั่นคลอนจากน้ำมือของ “รัฐบาลของตัวเอง”ภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ดึงดันใช้โครงการจำนำข้าวหวังเพิ่มรายได้ให้ชาวนา แต่จนแล้วจนรอดกลับกลายเป็นการสร้าง “ภูเขาข้าว” กองมหึมาในสต็อก เพราะขายไม่ออก ขณะที่ชาวนาไทยยัง “จนเหมือนเดิม”
รายงานของสำนักข่าวเอเอฟพีและสื่อต่างประเทศหลายแขนงในวันพุธ (24) ชี้ว่า นโยบายรับจำนำข้าวในราคาสูงลิ่วเกินกว่าราคาตลาดถึง 50 เปอร์เซ็นต์ของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรที่ดำเนินมา 1 ปีเต็มนั้น ได้ทำลายความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกข้าวชาวไทยจนหมดสิ้นแล้ว หลังตัวเลขการส่งออกข้าวหดหายไปเกือบครึ่งหนึ่งในปีนี้ กระทบต่อสถานะผู้ส่งออกข้าวหมายเลขหนึ่งของโลก ที่ไทยผูกขาดครองแชมป์มายาวนาน ปล่อยให้บรรดาผู้ส่งออกรายใหม่อย่างกัมพูชาและพม่าก้าวขึ้นมาผลิตข้าวส่งออกแซงหน้า
ยิ่งไปกว่านั้นกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ(ยูเอสดีเอ)ยังคาดการณ์ว่า การส่งออกข้าวของไทยที่เคยครองสัดส่วนถึงกว่า 1 ใน 3 ของความต้องการข้าวในตลาดโลก อาจร่วงลงจนตามหลังผู้ส่งออกอย่างเวียดนามและอินเดีย
ทั้งนี้ โดยเฉลี่ย ประเทศไทยเคยผลิตข้าวได้ราว 20 ล้านตันในแต่ละปี ซึ่งในจำนวนนี้ราวครึ่งหนึ่งจะถูกส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ แต่เมื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์เข้ามาครองอำนาจพร้อมกับนำนโยบายแห่งความขัดแย้งดังกล่าวมาบังคับใช้ ปริมาณการส่งออกข้าวของไทยกลับพุ่งดิ่งเหวเหลือเพียง 6.5 ล้านตันเท่านั้น สวนทางกับปริมาณข้าวค้างสต็อกที่พุ่งสูงขึ้นกว่า 10 ล้านตันตามการประเมินของนักวิชาการไทย
ขณะที่การคาดการณ์ของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯระบุสิ้นปี 2012 ไทยจะมีปริมาณข้าวค้างสต็อกราว 9.4 ล้านตัน และในปี 2013 ปริมาณข้าวที่ขายไม่ออกของไทย จะพุ่งแตะระดับ 12.1 ล้านตัน เพราะไม่มีประเทศใดยอมซื้อข้าวราคาแพงของไทย
ขณะเดียวกันพื้นที่ในโกดังและสถานที่เก็บข้าวทั่วประเทศ กำลังถูกใช้เพื่อรองรับข้าวปริมาณมหาศาลที่รัฐบาลรับจำนำไว้แต่ไม่สามารถหาผู้ซื้อได้ ซึ่งสื่อต่างประเทศชี้ว่า นโยบายจำนำข้าวราคาสูงลิ่วของรัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้นไม่เพียงแต่ทำให้ไทยขายข้าวได้น้อยลงแล้ว แม้แต่พื้นที่สนามบินและค่ายทหารก็ต้องถูกนำมารองรับ “ภูเขาข้าวลูกมหึมา” ถือเป็นเรื่องราวสุดพิลึกที่แทบไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย ขณะเดียวกันชาวนาไทยก็ยังคงมีฐานะที่ยากจนไม่ต่างจากเดิม แต่พวกที่ร่ำรวยขึ้นกลับเป็นกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจำนำข้าวที่มีการ “ทุจริตอย่างเป็นระบบ” ในทุกขั้นตอน
แม้นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก ได้ออกโรงเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกโครงการดังกล่าว แต่ดูเหมือนนักการเมืองไทยที่เป็นฝ่ายครองอำนาจอยู่ในเวลานี้ จะไม่มีทางเลือกอื่นเหลืออยู่ นอกจากต้องดันทุรังเดินหน้าโครงการจำนำข้าวต่อไป เพื่อสกัดกั้นมิให้ราคาข้าวตกต่ำลงจนกลายเป็น “ปัญหาทางการเมือง” ที่จะกระทบการเลือกตั้งครั้งต่อไป