รอยเตอร์ - สหภาพยุโรปเตรียมประกาศคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มเติมในวันนี้(15) โดยจะออกมาตรการกีดกันระบบธนาคาร, อุตสาหกรรม และการขนส่งเพื่อชะลอการพัฒนาด้านนิวเคลียร์ของเตหะราน หลังวิธีทางเจรจาทางการทูตยังใช้ไม่ได้ผล
อิหร่านอ้างมาโดยตลอดว่ากิจกรรมนิวเคลียร์ของตนมีจุดประสงค์เชิงสันติเท่านั้น และในการเจรจากับตะวันตก 3 ครั้งตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา เตหะรานก็ยืนกรานจะไม่ชะลอโครงการนิวเคลียร์ หากบทลงโทษทางเศรษฐกิจไม่ถูกยกเลิกไปเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯและยุโรปปฏิเสธที่จะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร และยิ่งสรรหาวิธีบีบอิหร่านในเชิงเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางกระแสหวาดกลัวว่าปัญหานิวเคลียร์จะก่อให้เกิดสงครามครั้งใหม่ในตะวันออกกลาง
กุยโด เวสเตอร์เวลล์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี แถลงที่กรุงเบอร์ลินว่า “ตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมา อิหร่านยังคงเพิกเฉยต่อปัญหาสำคัญๆ เราจึงต้องเพิ่มแรงกดดันโดยคว่ำบาตรให้หนักขึ้น”
เวสเตอร์เวลล์ ซึ่งมีถ้อยแถลงก่อนการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศที่ลักเซมเบิร์กวันนี้(15) ยังยืนยันไม่ปิดกั้นวิธีเจรจาทางการทูต
“ข้อเสนอที่เราให้กับอิหร่านยังเหมือนเดิม คือหันหน้าเจรจาอย่างจริงจัง โดยมีเป้าหมายชัดเจนมิให้อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ถึงเวลาแล้วที่จะใช้แนวทางการเมืองเข้ามาแก้ไข”
นักการทูตยุโรปคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า บทลงโทษครั้งใหม่จะประกอบด้วยการคว่ำบาตรธุรกรรมการเงิน ยกเว้นที่เกี่ยวข้องกับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม, อาหาร, ยารักษาโรค ตลอดจนข้อกำหนดว่าด้วยการค้าที่ชอบธรรม
นักธุรกิจยุโรปจะต้องขออนุญาตจากรัฐบาลก่อนทำธุรกรรมการเงินเพื่อซื้อขายสินค้าที่ได้รับอนุญาตกับอิหร่าน โดยก่อนหน้านี้อียูอนุมัติการค้าโดยทั่วไป และห้ามเฉพาะสินค้าบางชนิดเท่านั้น
หลังจากนี้ การค้ากับอิหร่านจะมีอุปสรรคมากยิ่งขึ้นจากข้อกำหนดของอียูที่ห้ามนักธุรกิจยุโรปขยายเวลาสินเชื่อเพื่อการค้าระยะสั้นออกไป
ประเทศยุโรปจะไม่ส่งออกโลหะและแกรไฟต์ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเหล็กให้แก่อิหร่าน และจะห้ามนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากอิหร่านด้วย นอกจากนี้ยังห้ามบริษัทยุโรปจัดส่งเทคโนโลยีด้านการต่อเรือและกักเก็บน้ำมันให้แก่อิหร่าน