เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - เดวิด เอ. ซีเกิล ผู้ก่อตั้งบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังอย่าง “เวสต์เกต รีสอร์ตส์” ของสหรัฐฯ ส่งอีเมลแจ้งพนักงานทุกคนในบริษัทให้เตรียมตัวเตรียมใจถูก “ไล่ออก” หากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครตเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี ได้ครองตำแหน่งต่ออีก 4 ปี
มหาเศรษฐีและซีอีโอชื่อดังวัย 76 ปีซึ่งเป็นเจ้าของบ้านพักหรูมากกว่า 12,000 แห่ง และรีสอร์ต 28 แห่งทั่วสหรัฐฯ รวมถึงมีรายได้เฉลี่ยเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 30,717 ล้านบาท) ต่อปีรายนี้ ซึ่งเคยประกาศจุดยืนสนับสนุนอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช แห่งพรรครีพับลิกันมาก่อน ออกมาเปิดเผยว่า เขาได้ส่งอีเมลแจ้งผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนแล้ว โดยระบุจะมีการปลดพนักงานครั้งใหญ่หากโอบามาได้รับเลือกให้อยู่ในตำแหน่งต่อไปอีกสมัย พร้อมย้ำ “ชัยชนะของโอบามา” จะถือเป็น “ภัยคุกคาม” อย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงในอาชีพการงานของพนักงานในองค์กร โดยซีเกิลระบุจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนนี้จะเป็น “มิตต์ รอมนีย์” ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน
ซีเกิลเผยในอีเมลว่า หากตัวเขา หรือบริษัทของเขาถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม ตามแผนการ “รีดภาษีคนรวย” ของประธานาธิบดีโอบามา ตัวเขาคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลดขนาดขององค์กรลง ซึ่งหมายถึงต้องมีพนักงานตกเป็น “เหยื่อ” สังเวยชัยชนะของโอบามาจำนวนไม่น้อย
ทั้งนี้ ซีเกิลมิใช่นักธุรกิจชื่อดังรายแรกของสหรัฐฯ ที่ออกมากดดันให้พนักงานในองค์กรของตัวเองไม่ลงคะแนนให้กับประธานาธิบดีโอบามา เพราะก่อนหน้านี้ซีอีโอคนดังรายอื่นอย่าง บ็อบ เมอร์เรย์ แห่งบริษัทผลิตถ่านหิน “เมอร์เรย์ เอนเนอร์จี” ได้ออกโรงกดดันพนักงานในสังกัดให้บริจาคเงินสนับสนุนการหาเสียงของมิตต์ รอมนีย์ พร้อมออกคำสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าร่วมการหาเสียงของรอมนีย์ โดยหากพนักงานรายใดไม่ยอมปฏิบัติตามก็จะถูกหักค่าจ้าง 1 วันเต็มๆ และอาจถูกไล่ออก
ขณะที่ริชาร์ด แล็คส์ ผู้บริหารของบริษัทผลิตอะไหล่รถยนต์ “แล็คส์ เอนเตอร์ไพรเซส” ได้เรียกร้องให้ลูกจ้างของตนโหวตให้กับรอมนีย์ โดยระบุ หากโอบามาชนะทางบริษัทจะต้องถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น และทางบริษัทจะต้องมีการลดเงินเดือนพนักงานลงเพื่อชดเชยกับความเสียหายที่ก่อไว้จากนโยบายของโอบามา
