เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - เรือตรวจการณ์มูลค่ากว่า 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 15.5 ล้านบาท) ลำหนึ่งของการท่าเรือนิวยอร์กมีอันต้องจมดิ่งสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ประจำเรือซึ่งเป็นตำรวจระดับนายสิบรายหนึ่งเกิดไปเปิดประตูเล็กที่อยู่ตรงใต้ท้องเรือ เป็นเหตุให้น้ำเข้าเรือ ขณะลอยลำนอกชายฝั่งบรีซี พอยต์ ในเขตควีนส์ของมหานครนิวยอร์ก เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและพลเรือนรวม 11 ชีวิตที่อยู่บนเรือขณะเกิดเหตุ ต้องกระเสือกกระสนว่ายน้ำเอาชีวิตรอด
“สิ่งที่เกิดขึ้น มันไม่ต่างอะไรกับการเปิดกระจกรถทิ้งไว้ ในตอนที่คุณกำลังล้างรถ” แหล่งข่าววงในของการท่าเรือนิวยอร์กเผย หลังเรือตรวจการณ์แบบเอ็ม 2 มูส ความยาว 37 ฟุต จมลงสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก นอกฝั่งนิวยอร์ก
รายงานข่าวระบุว่า ถึงแม้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บร้ายแรงจากเหตุการณ์ปล่อยน้ำเข้าเรือ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ครั้งนี้ แต่การกระทำของนายสิบรายดังกล่าวเป็นเหตุให้ตัวเขาและเพื่อนตำรวจรวม 8 นาย พร้อมกับพลเรือนอีก 3 คนต่างต้องว่ายน้ำเข้าฝั่งอย่างทุลักทุเลเพื่อเอาชีวิตรอด คิดเป็นระยะทางไม่ต่ำกว่า 300 หลา (1 หลาเท่ากับ 3 ฟุต หรือ 0.9144 เมตร)
แหล่งข่าวภายในการท่าเรือนิวยอร์กยังเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นต้นเหตุ ของการสูญเสียเรือตรวจการณ์ราคาแพงครั้งนี้ จะต้องถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยขั้นร้ายแรง
ผลการสอบสวนเบื้องต้นพบข้อมูลว่า ในวันเกิดเหตุ เครื่องยนต์ของเรือมีการส่งสัญญาณบางอย่าง ที่บ่งชี้ว่า อาจมีเศษไม้หรือเชือกไปติดอยู่ที่ตัวเครื่อง และเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นพลเรือนจากหน่วยงานภายนอกรายหนึ่งที่อยู่บนเรือ ได้แนะนำให้นายสิบตำรวจซึ่งไม่เปิดเผยชื่อรายนี้ลองเปิดประตูเล็กที่พื้นเรือเพื่อดูว่ามีสิ่งใดไปติดขัดที่เครื่องหรือไม่ และนายสิบผู้นี้ได้หลงเชื่อคำแนะนำดังกล่าวและเปิดประตูเล็กที่ใต้ท้องเรือในทันที เป็นเหตุให้น้ำไหลทะลักเข้าสู่เรือ จนนำไปสู่การอับปางภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว การเปิดประตูที่พื้นเรือจะทำได้ต่อเมื่อเรือจอดนิ่งอยู่บนบกเท่านั้น
ล่าสุดมีรายงานว่า การท่าเรือนิวยอร์กได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งไปดำเนินการกู้เรือตรวจการณ์ลำดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าอุปกรณ์ต่างๆ ภายในเรือจะสามารถซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติหรือไม่