รอยเตอร์ - คณะลูกขุนของศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ตัดสินให้ชายชาวโคโลราโดรายหนึ่งได้รับค่าเสียหายเป็นเงิน 7.2 ล้านดอลลาร์ หลังมีอาการปอดข้าวโพดคั่ว (popcorn lung) เรื้อรัง อันเนื่องจากสารเคมีที่ใช้แต่งรสชาติในไมโครเวฟป๊อบคอร์น
คณะลูกขุนเห็นพ้องกันตามข้อกล่าวหาของ เวย์น วัตสัน ชาวเมืองเดนเวอร์ วัย 59 ปี ที่ว่า บริษัทผู้ผลิตข้าวโพดคั่ว และซูเปอร์มาร์เก็ตซึ่งขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ละเลยไม่ติดฉลากเตือนว่า ไดอะซิทิล สารแต่งกลิ่นรสเนยนั้นมีอันตราย
วัตสันเป็นลูกค้าไมโครเวฟป๊อบคอร์นรายแรก ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคปอดข้าวโพดคั่ว หรือหลอดลมสาขาอุดตัน (bronchiolitis obliterans) ซึ่งมีอาการไอไม่มีเสมหะ และหายใจลำบากเวลาออกแรง เมื่อปี 2007 ที่ศูนย์โรคทางเดินหายใจ เนชันนัล จิวิช เฮลธ์ หลังสูดกลิ่นเนยเทียมในข้าวโพดคั่วที่เขากินทุกวันเป็นเวลานานหลายปี เคนเนธ แมคเคลน ทนายความเผย
คำตัดสินของคณะลูกขุนครั้งนี้ถือเป็นกรณีล่าสุดจากผู้เสียหายหลายรายตลอด 15 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มต้นด้วยคนงานในโรงงานผลิตข้าวโพดคั่ว ที่ใช้ไดอะซิทิลเป็นส่วนประกอบ จนทำให้มีปัญหาทางสุขภาพตามมา
ทั้งนี้ คณะลูกขุนพบว่า บริษัทกลิสเตอร์-แมรี ลี คอร์ป ในเมืองเชสเตอร์ มลรัฐอิลลินอยส์ ผู้ผลิตป๊อบอคร์นต้องรับผิดชอบ 80% ของค่าเสียหายมูลค่า 7,217,961 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ซูเปอร์มาร์เก็ต คิงซูเพอร์ส และบริษัทแม่โครเกอร์ โค มีส่วนต้องรับผิดชอบค่าชดเชยจำนวนดังกล่าว 20%
อย่างไรก็ตาม ทนายความฝ่ายจำเลยแย้งว่า ปัญหาสุขภาพของวัตสันนั้นมาจากการใช้สารเคมีอันตรายในระหว่างทำงานเป็นคนทำความสะอาดพรมมานานหลายปี โดยคิง ซูเพอร์ส และโครเกอร์ เตรียมยื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าวแล้ว แต่ทางกลิสเตอร์-แมรี ลียังไม่แสดงความเห็นใดๆ
