สหรัฐฯ สั่งอพยพ จนท.สถานทูตใน “ตูนิเซีย-ซูดาน” เตือนพลเมืองอเมริกันเลี่ยงเดินทาง

รอยเตอร์ - สหรัฐฯ สั่งอพยพเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่มีภารกิจสำคัญออกจากสถานทูตในตูนิเซียและซูดาน วานนี้ (15) หลังสถานทูตทั้ง 2 แห่งถูกกลุ่มผู้ประท้วงมุสลิมบุกโจมตี และทางกรุงคาร์ทูมยังปฏิเสธที่จะให้วอชิงตันส่งนาวิกโยธินเข้าไปปฏิบัติภารกิจคุ้มกันด้วย

“จากสถานการณ์ความปลอดภัยในกรุงตูนิส และคาร์ทูม กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้สั่งอพยพครอบครัวและบุคลากรที่ไม่มีภารกิจจำเป็นออกจากสถานทูตทั้ง 2 แห่งแล้ว และออกประกาศเฝ้าระวังการเดินทางสำหรับพลเมืองอเมริกันด้วย” วิกตอเรีย นูแลนด์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์

สถานทูตอเมริกันในกรุงตูนิสและคาร์ทูมถูกโจมตีเมื่อวันศุกร์ (14) โดยผู้ประท้วงชาวมุสลิมที่โกรธแค้นการสร้างภาพยนตร์วิพากษ์ศาสนาอิสลามในสหรัฐฯ โดยภาพยนตร์ที่ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกนี้มีเนื้อหาดูหมิ่นศาสดามูฮัมหมัด จนนำไปสู่ปฏิกิริยาตอบโต้รุนแรงจากมุสลิมทั่วโลก

เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเปิดเผยว่า เหตุโจมตีสถานทูตเมืองตูนิสส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บอีก 46 คน

ส่วนที่คาร์ทูม ผู้ประท้วงราว 5,000 คนได้บุกเข้าไปในสถานทูตเยอรมนี เมื่อวันศุกร์ (14) ติดตามมาด้วยการโจมตีสถานทูตสหรัฐฯ และอังกฤษ ซึ่งการปะทะระหว่างตำรวจกับกลุ่มผู้ประท้วงทำให้มีผู้ถูกสังหารอย่างน้อย 2 คน สื่อทางการซูดานรายงาน

ในวันเดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ว่าจะส่งหน่วยนาวิกโยธินเข้าไปยังซูดานเพื่อรักษาความปลอดภัยแก่สถานทูตที่ตั้งอยู่นอกกรุงคาร์ทูม ทว่ารัฐมนตรีต่างประเทศซูดาน อาลี อาเหม็ด คาร์ตี กลับแถลงผ่านสำนักข่าว SUNA ว่า “ซูดานยังสามารถปกป้องสถานทูตทุกแห่งในกรุงคาร์ทูมได้ และรัฐบาลก็มีหน้าที่ต้องดูแลสวัสดิภาพของเจ้าหน้าที่ในสถานทูตทุกแห่งอยู่แล้ว”

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และซูดาน เผยเมื่อวานนี้ (15) ว่า นาวิกโยธินสหรัฐฯ ได้ออกเดินทางไปยังกรุงคาร์ทูมแล้ว ทว่า ถูกเรียกตัวกลับเพื่อรอเจรจากับทางการซูดานเสียก่อน

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า วอชิงตันขอให้รัฐบาลซูดาน “เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากเหตุโจมตีสถานทูตของเราเมื่อวันศุกร์ (14) และเราจะยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าเราได้รับทุกสิ่งที่จำเป็นต่อการปกป้องประชาชนและอาคารสถานที่ของเรา”

รัฐบาลซูดานออกมาวิพากษ์วิจารณ์เยอรมนีที่ปล่อยให้กลุ่มขวาจัดออกมาประท้วงและชูภาพล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัดเมื่อเดือนก่อน และยังตำหนินายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ที่มอบรางวัลแก่นักวาดการ์ตูนชาวเดนมาร์กผู้สร้างผลงานดูหมิ่นศาสดามูฮัมหมัด จนจุดกระแสประท้วงไปทั่วโลกมุสลิม เมื่อปี 2010

ทางการซูดานเคยเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันประท้วงภาพยนตร์ดูหมิ่นอิสลาม แต่ให้กระทำการโดยสันติเท่านั้น ขณะที่รัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา ระบุว่า ไม่สามารถเอาผิดกับภาพยนตร์ดังกล่าว ซึ่งไม่ใช่อะไรมากไปกว่าคลิปวีดีโอมือสมัครเล่นที่ทำขึ้นในรัฐแคลิฟอร์เนียเท่านั้น