ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ถ้าจะพูดถึงวัฒนธรรมและประเพณีนั้นถือเป็นสิ่งดีงามที่คนในแต่ละสังคมยอมรับและปฏิบัติสืบทอดกันมาตั้งแต่อดีต โดยเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละสังคม การจะตัดสินเอาว่าประเพณีใดของใครว่าดีหรือไม่ดีนั้นคงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องไปเสียทั้งหมด เพราะแต่ละสถานที่ก็มีพื้นฐาน และวิถีการดำเนินชีวิตไม่เหมือนกัน ที่เกริ่นมานี้เพียงเพื่อจะบอกเล่าเรื่องราวในส่วนหนึ่งของมุมโลก ที่หลายฝ่ายอาจประเมินว่าไม่เหมาะสม อย่างกรณีของประเทศสวาซิแลนด์ ซึ่งหญิงสาวจำนวนหลายพันคนต้องออกมาเดินขบวนพาเหรดเฉลิมฉลองต่อหน้าพระพักตร์พระมหากษัตริย์ ด้วยหน้าอกเปลือยเปล่า โดยไม่สนใจต่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์พิธีการอันฟุ่มเฟือยดังกล่าวของประเทศที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดแห่งหนึ่งในแอฟริกา
“ราชอาณาจักรสวาซิแลนด์” ตั้งอยู่ในภูมิภาคแอฟริกาตอนใต้ โดยไม่มีทางออกสู่ทะเล และเป็นประเทศสุดท้ายในภูมิภาคที่ยังยึดระบอบการปกครองแบบสมบูรณายาสิทธิราชย์ โดยกษัตริย์องค์ปัจจุบันคือ สมเด็จพระราชาธิบดีสวาติที่ 3 ซึ่งเสด็จขึ้นครองราชสมบัติในวันที่ 25 เมษายน ปี ค.ศ. 1986 และพระองค์ยังเคยเสด็จฯ เยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลเพื่อเข้าร่วมงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ.2549 ด้วย
สำหรับเทศกาล "อัมลังกา" หรืองานเต้นระบำต้นกก (Reed Dance) ที่จัดขึ้นทุกปี เป็นเวลา 5 วันในช่วงท้ายฤดูร้อนนั้น หญิงสาว และเด็กสาว อายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป ในชุดกระโปรงตัวจิ๋วสีสันสดใส เปลือยท่อนบน ตามแบบดั้งเดิมของชนเผ่างอูนี จะออกมาร้องรำทำเพลง และเต้นระบำ พร้อมถือต้นกก ที่พวกเธอตัดมาจากริมฝั่งแม่น้ำ ถวายแด่องค์กษัตริย์ และสมเด็จพระราชชนนี (Queen Mother) เพื่อฉลองความเป็นหญิง และพรหมจารีของพวกเธอ ขณะที่มีกฎข้อบังคับอันเป็นรับสั่งของพระมหากษัตริย์ ห้ามไม่ให้หญิงสาวอายุต่ำกว่า 23 ปีมีเพศสัมพันธ์ก่อนเวลาอันควร โดยปีนี้ งานพิธีดังกล่าวจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 2 และจันทร์ที่ 3 กันยายน ที่ผ่านมา ในเขตพระราชฐาน เมืองลุดซิดซินีห่างจากกรุงอึมบาบาน เมืองหลวงราว 20 กิโลเมตร ท่ามกลางสายตาของนักท่องเที่ยว และนักข่าวจำนวนมาก
ตามขนบธรรมเนียมของสวาซิแลนด์นั้น พระมหากษัตริย์ทรงมีพระชายาได้หลายพระองค์ โดยทรงเลือกจากสาวเผ่าต่าง ๆ ทุกเผ่าที่มีในประเทศ เพื่อให้เกิดความผูกพันกับประชาชนเผ่าต่างๆ และเทศกาลอัมลังกานี้เอง ถือเป็นโอกาสที่พระมหากษัตริย์จะได้ทรงเลือกพระชายาองค์ใหม่ ซึ่งสาวๆ บางคนก็หวังที่จะต้องพระเนตรพระทัยของพระองค์ เพราะนอกจากที่พวกเธอจะได้รับยศถาบรรดาศักดิ์ และมีชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว ยังจะได้รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู และตำหนักเป็นของตัวเองด้วย ในปัจจุบัน พระราชาธิบดีสวาติที่ 3 ซึ่งมีพระชนมพรรษา 66 พรรษา ทรงมีพระชายา 13 พระองค์ และโอรสธิดารวม 26 พระองค์ โดยในจำนวนพระชายาทั้ง 13 พระองค์นี้ ยังไม่มีใครได้รับการสถาปนาเป็นมเหสีแต่อย่างใด
แม้เทศกาลดังกล่าวจะเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมานานแล้ว และยังได้รับความสนใจจากสาวโสดทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก บางรายเข้าร่วมพิธีนี้ทุกปีจนกระทั่งออกเรือนทีเดียว แต่สำหรับวิถีการดำเนินชีวิตแบบมีคู่ครองหลายคนขององค์กษัตริย์ ซึ่งได้รับการเปรียบเปรยเป็นสิงโตที่สูงส่ง และน่าเกรงขามสำหรับชาวสวาซิแลนด์ ก็ไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคสมัยปัจจุบัน ที่ผู้หญิงตระหนักถึงสิทธิมนุษย์ และความเท่าเทียมกัน แม้พวกเธอปฏิเสธที่จะวิพากษ์วิจารณ์พระราชาสวาติโดยตรงก็ตาม
ขณะที่กลุ่มเรียกร้องสิทธิสตรี และฝ่ายค้านทางการเมืองชี้ว่า รสนิยมการมีพระชายาหลายคนของกษัตริย์สวาติมีส่วนที่ทำให้อัตราผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีของประเทศนั้นสูงที่สุดในโลก ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อโรคเอดส์มากกว่า 40% ของจำนวนประชากรทีเดียว อย่างไรก็ตาม พระองค์ให้เหตุผลว่า การมีคู่ครองหลายๆ คนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวสวาซี และยังช่วยยึดเกาะความเป็นเอกภาพของชาติอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ในปีที่ผ่านมา กษัตริย์สวาติที่ 3 ทรงเผชิญกับการประท้วงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อรัฐบาล ที่พระองค์ทรงแต่งตั้งใช้เงินคงคลังจนหมด หลังจากแอฟริกาใต้ อันเป็นประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศที่ผูกพันกันทางเศรษฐกิจมากที่สุด ประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในปี 2009 ทว่า แม้ในช่วงเวลาตึงเครียดเช่นนั้น แต่ก็ดูเหมือนว่าราชสำนักไม่ได้ส่งสัญญาณว่าต้องการรัดเข็มขัดลดการใช้จ่ายลงแต่อย่างใด โดยในเดือนกรกฎาคม สื่อหลายสำนัก เช่น เมล์ของแอฟริกาใต้ และหนังสือพิมพ์การ์เดียน รายงานว่า พระองค์ พร้อมด้วยพระชายา 3 พระองค์ เสด็จพระราชดำเนินเยือนนครลาสเวกัส เพื่อการช้อปปิ้ง และไม่มีการชี้แจงใดๆ จากสำนักพระราชวัง
ทั้งนี้ หลายฝ่ายมองว่า แม้องค์กษัตริย์สวาติที่ 3 จะทรงมั่งคั่งเป็นอันดับ 15 ของโลก โดยมีมูลค่าทรัพย์สินส่วนพระองค์ประมาณ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่สวาซิแลนด์ก็เป็นประเทศยากจนติดอันดับโลก ขณะที่มากกว่า 2 ใน 3 ของประชากร 1.4 ล้านคนทั่วประเทศมีชีวิตอยู่อย่างอดๆ อยากๆ ประกอบกับอัตราส่วนของผู้ติดเชื้อเอชไอวี และเป็นเอดส์ ยังมากที่สุดในโลกด้วย จึงจำเป็นที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างเร่งด่วนเสียก่อน โดยเฉพาะขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังย่ำแย่เช่นนี้.
“ราชอาณาจักรสวาซิแลนด์” ตั้งอยู่ในภูมิภาคแอฟริกาตอนใต้ โดยไม่มีทางออกสู่ทะเล และเป็นประเทศสุดท้ายในภูมิภาคที่ยังยึดระบอบการปกครองแบบสมบูรณายาสิทธิราชย์ โดยกษัตริย์องค์ปัจจุบันคือ สมเด็จพระราชาธิบดีสวาติที่ 3 ซึ่งเสด็จขึ้นครองราชสมบัติในวันที่ 25 เมษายน ปี ค.ศ. 1986 และพระองค์ยังเคยเสด็จฯ เยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลเพื่อเข้าร่วมงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ.2549 ด้วย
สำหรับเทศกาล "อัมลังกา" หรืองานเต้นระบำต้นกก (Reed Dance) ที่จัดขึ้นทุกปี เป็นเวลา 5 วันในช่วงท้ายฤดูร้อนนั้น หญิงสาว และเด็กสาว อายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป ในชุดกระโปรงตัวจิ๋วสีสันสดใส เปลือยท่อนบน ตามแบบดั้งเดิมของชนเผ่างอูนี จะออกมาร้องรำทำเพลง และเต้นระบำ พร้อมถือต้นกก ที่พวกเธอตัดมาจากริมฝั่งแม่น้ำ ถวายแด่องค์กษัตริย์ และสมเด็จพระราชชนนี (Queen Mother) เพื่อฉลองความเป็นหญิง และพรหมจารีของพวกเธอ ขณะที่มีกฎข้อบังคับอันเป็นรับสั่งของพระมหากษัตริย์ ห้ามไม่ให้หญิงสาวอายุต่ำกว่า 23 ปีมีเพศสัมพันธ์ก่อนเวลาอันควร โดยปีนี้ งานพิธีดังกล่าวจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 2 และจันทร์ที่ 3 กันยายน ที่ผ่านมา ในเขตพระราชฐาน เมืองลุดซิดซินีห่างจากกรุงอึมบาบาน เมืองหลวงราว 20 กิโลเมตร ท่ามกลางสายตาของนักท่องเที่ยว และนักข่าวจำนวนมาก
ตามขนบธรรมเนียมของสวาซิแลนด์นั้น พระมหากษัตริย์ทรงมีพระชายาได้หลายพระองค์ โดยทรงเลือกจากสาวเผ่าต่าง ๆ ทุกเผ่าที่มีในประเทศ เพื่อให้เกิดความผูกพันกับประชาชนเผ่าต่างๆ และเทศกาลอัมลังกานี้เอง ถือเป็นโอกาสที่พระมหากษัตริย์จะได้ทรงเลือกพระชายาองค์ใหม่ ซึ่งสาวๆ บางคนก็หวังที่จะต้องพระเนตรพระทัยของพระองค์ เพราะนอกจากที่พวกเธอจะได้รับยศถาบรรดาศักดิ์ และมีชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว ยังจะได้รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู และตำหนักเป็นของตัวเองด้วย ในปัจจุบัน พระราชาธิบดีสวาติที่ 3 ซึ่งมีพระชนมพรรษา 66 พรรษา ทรงมีพระชายา 13 พระองค์ และโอรสธิดารวม 26 พระองค์ โดยในจำนวนพระชายาทั้ง 13 พระองค์นี้ ยังไม่มีใครได้รับการสถาปนาเป็นมเหสีแต่อย่างใด
แม้เทศกาลดังกล่าวจะเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมานานแล้ว และยังได้รับความสนใจจากสาวโสดทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก บางรายเข้าร่วมพิธีนี้ทุกปีจนกระทั่งออกเรือนทีเดียว แต่สำหรับวิถีการดำเนินชีวิตแบบมีคู่ครองหลายคนขององค์กษัตริย์ ซึ่งได้รับการเปรียบเปรยเป็นสิงโตที่สูงส่ง และน่าเกรงขามสำหรับชาวสวาซิแลนด์ ก็ไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคสมัยปัจจุบัน ที่ผู้หญิงตระหนักถึงสิทธิมนุษย์ และความเท่าเทียมกัน แม้พวกเธอปฏิเสธที่จะวิพากษ์วิจารณ์พระราชาสวาติโดยตรงก็ตาม
ขณะที่กลุ่มเรียกร้องสิทธิสตรี และฝ่ายค้านทางการเมืองชี้ว่า รสนิยมการมีพระชายาหลายคนของกษัตริย์สวาติมีส่วนที่ทำให้อัตราผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีของประเทศนั้นสูงที่สุดในโลก ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อโรคเอดส์มากกว่า 40% ของจำนวนประชากรทีเดียว อย่างไรก็ตาม พระองค์ให้เหตุผลว่า การมีคู่ครองหลายๆ คนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวสวาซี และยังช่วยยึดเกาะความเป็นเอกภาพของชาติอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ในปีที่ผ่านมา กษัตริย์สวาติที่ 3 ทรงเผชิญกับการประท้วงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อรัฐบาล ที่พระองค์ทรงแต่งตั้งใช้เงินคงคลังจนหมด หลังจากแอฟริกาใต้ อันเป็นประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศที่ผูกพันกันทางเศรษฐกิจมากที่สุด ประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในปี 2009 ทว่า แม้ในช่วงเวลาตึงเครียดเช่นนั้น แต่ก็ดูเหมือนว่าราชสำนักไม่ได้ส่งสัญญาณว่าต้องการรัดเข็มขัดลดการใช้จ่ายลงแต่อย่างใด โดยในเดือนกรกฎาคม สื่อหลายสำนัก เช่น เมล์ของแอฟริกาใต้ และหนังสือพิมพ์การ์เดียน รายงานว่า พระองค์ พร้อมด้วยพระชายา 3 พระองค์ เสด็จพระราชดำเนินเยือนนครลาสเวกัส เพื่อการช้อปปิ้ง และไม่มีการชี้แจงใดๆ จากสำนักพระราชวัง
ทั้งนี้ หลายฝ่ายมองว่า แม้องค์กษัตริย์สวาติที่ 3 จะทรงมั่งคั่งเป็นอันดับ 15 ของโลก โดยมีมูลค่าทรัพย์สินส่วนพระองค์ประมาณ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่สวาซิแลนด์ก็เป็นประเทศยากจนติดอันดับโลก ขณะที่มากกว่า 2 ใน 3 ของประชากร 1.4 ล้านคนทั่วประเทศมีชีวิตอยู่อย่างอดๆ อยากๆ ประกอบกับอัตราส่วนของผู้ติดเชื้อเอชไอวี และเป็นเอดส์ ยังมากที่สุดในโลกด้วย จึงจำเป็นที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างเร่งด่วนเสียก่อน โดยเฉพาะขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังย่ำแย่เช่นนี้.