เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - แองเจลา คาร์เนกี อดีตนักโทษคดียาเสพติดชาวอเมริกันในไทย ออกโรงตีแผ่สภาพอันย่ำแย่เลวร้ายของเรือนจำไทยผ่านสารคดีของ “เนชันแนล จีโอกราฟิก” ถือเป็นประเด็นร้อนล่าสุดที่ส่งผลกระเทือนภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาชาวโลก
รายงานข่าวของสื่อต่างประเทศหลายสำนักในวันนี้ (29) ระบุว่า นางคาร์เนกี สัญชาติอเมริกัน ได้ร่วมตีแผ่ความเลวร้ายของคุกในประเทศไทยผ่านทางภาพยนตร์สารคดีชุด “Locked Up Abroad” ของทางเนชันแนล จีโอกราฟิก โซไซตี (NGS) หนึ่งในองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งมีฐานอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
โดยในสารคดีชุดดังกล่าว นางคาร์เนกีซึ่งเคยติดคุกในไทยนาน 9 ปี จากความผิดฐานลักลอบขนเฮโรอีน แฉว่า ตลอดระยะเวลาที่เธอถูกจองจำอยู่ในประเทศไทย เธอต้องถูกบังคับให้รับประทานของที่เน่าเสีย อาหารที่เต็มไปด้วยแมลงและหนอน ทั้งยังต้องดำรงชีวิตอยู่ในคุกโดยปราศจากน้ำประปา ซึ่งถือเป็นสภาพความเป็นอยู่ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต
สาวใหญ่ชาวอเมริกันระบุว่า ในตอนที่เธอถูกจับนั้นเธอเพิ่งเลิกรากับแฟนหนุ่ม ทำให้เธอรู้สึกอ่อนแอเคว้งคว้าง ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจรับข้อเสนอของเพื่อนคนหนึ่งในการขนเฮโรอีนเพื่อแลกกับค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง โดยเธอเผยว่าทั้งหมดที่เธอต้องทำ คือการเดินทางไปพบกับเพื่อนคนดังกล่าวในประเทศไทย เพื่อรับกระเป๋าเดินทางจำนวน 1 ใบที่ภายในมีเฮโรอีนซุกซ่อนอยู่ และเดินทางกลับสหรัฐฯ แต่เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่าเธอจะไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน เพราะเธอถูกเจ้าหน้าที่ของไทยจับได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งนำไปสู่การที่เธอถูกตัดสินให้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตในเวลาต่อมา
คาร์เนกีซึ่งได้แชร์ประสบการณ์ในเรือนจำของไทยผ่านทาง “เฟซบุ๊ก” ของตัวเอง ระบุว่า คุกที่เธอถูกส่งตัวไปแออัดมาก และยังสกปรกจนยากเกินบรรยาย นอกจากนั้น เธอยังแฉว่า ตลอดเวลาที่ติดคุกอยู่ในไทยเธอไม่เคยได้รับประทานอาหารร้อนๆ ที่ปรุงสุกใหม่ๆ เพราะอาหารที่เรือนจำของไทยจัดให้มักถูกส่งให้นักโทษเป็นเวลานานเกินกว่า 1 ชั่วโมง กว่าที่ผู้ต้องขังจะได้เริ่มลงมือรับประทาน
นอกจากนั้น เธอยังต้องถูกบังคับให้นอนรวมกับผู้ต้องขังที่เป็นวัณโรค โรคเรื้อน ตาแดง และโรคผิวหนังอีกนานาชนิดในห้องขังที่มีนักโทษแออัดกันอยู่มากกว่า 200 ชีวิต โดยไม่มีแม้กระทั่งพัดลม ขณะที่บางครั้งในเรือนจำก็ไม่มีแม้แต่น้ำสำหรับชำระล้างสุขภัณฑ์ด้วยซ้ำ ถือเป็นความทรงจำอันเลวร้ายที่เธอจะไม่มีวันลืม แม้ในขณะนี้เธอจะถูกเนรเทศกลับมายังสหรัฐฯ และได้แต่งงานกับแฟนหนุ่มคนเดิมของเธอที่เคยเลิกรากันไปก่อนที่เธอถูกจับ
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว สถานีโทรทัศน์บีบีซีของอังกฤษ เคยรายงานข่าวเกี่ยวกับความพยายามขององค์กรพิทักษ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยที่ใช้ชื่อว่าสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน หรือ Union for Civil Liberties ที่ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลไทยปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของนักโทษในเรือนจำมาแล้วเช่นกัน โดยในครั้งนั้น องค์กรดังกล่าวออกมาแฉว่า เรือนจำในไทยมีศักยภาพในการรองรับนักโทษได้ราว 100,000 คนเท่านั้น แต่ทางการไทยกลับปล่อยปละละเลยให้นักโทษซึ่งมีจำนวนมากกว่านั้นกว่า 2 เท่าตัวใช้ชีวิตอยู่กันอย่างแออัด เข้าข่ายลิดรอนสิทธิมนุษยชนอย่างเลวร้าย