รอยเตอร์ - ศาลสูงสุดปากีสถานสั่งเลื่อนการไต่สวนคดีซึ่งอาจทำให้นายกรัฐมนตรีราจา เปอร์เวซ อัชราฟ ถูกตั้งข้อหาหมิ่นศาล และหมดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่ง หลังไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลที่ให้ติดต่อไปยังทางการสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อขอรื้อคดีคอร์รัปชันของประธานาธิบดีอาซิฟ อาลี ซาร์ดารี
คดีดังกล่าวกลายเป็นชนวนความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลปากีสถานกับศาลยุติธรรม ซึ่งพยายามที่จะเอาผิดต่อซาร์ดารีให้ได้ ทว่า ในวันนี้ (27) ศาลก็ได้ให้โอกาสแก่นายกรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยเลื่อนการพิจารณาไปเป็นวันที่ 18 กันยายน
ศาลสูงสุดปากีสถานระบุว่า อัชราฟจะต้องส่งจดหมายไปยังรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อขอให้เปิดพิจารณาคดีคอร์รัปชันของซาร์ดารีใหม่ ขณะที่ผู้พิพากษาอาซิฟ โฆซา ชี้ว่า อัชราฟไม่จำเป็นต้องร่างหนังสือดังกล่าวด้วยตนเอง แต่อาจมอบหมายให้ผู้ใดทำแทนก็ได้
“ผมจะใช้ความพยายามอย่างจริงใจเพื่อแก้ปัญหานี้ โดยจะรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของศาลสูงสุดไว้” อัชราฟระบุ
อดีตนายกรัฐมนตรียูซุฟ ราซา กิลานี ก็เคยถูกตั้งข้อหาหมิ่นคำสั่งศาลมาแล้วเมื่อเดือนมิถุนายน หลังไม่ยอมติดต่อทางการสวิตเซอร์แลนด์เพื่อรื้อคดีของ ซาร์ดารี จนทำให้เขาต้องพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปในที่สุด
ทั้งนี้ หากอัชราฟถูกถอดถอนด้วยข้อหาเดียวกัน พรรคประชาชนปากีสถานซึ่งครองเสียงข้างมากในสภาก็ยังสามารถแต่งตั้งบุคคลอื่นขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปได้ ทว่าการเมืองที่ไร้เสถียรภาพเช่นนี้จะยิ่งส่งผลเสียต่อรัฐบาลอิสลามาบัด ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าไร้น้ำยาในการคลี่คลายวิกฤตบ้านเมือง ตั้งแต่เรื่องกลุ่มก่อการร้ายตอลิบานไปจนถึงปัญหาพื้นฐานอย่างไฟฟ้าดับ
การประกาศกฎหมายนิรโทษกรรมเมื่อปี 2007 โดยอดีตประธานาธิบดี เปอร์เวซ มูชาร์ราฟ เพิ่อกรุยทางไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลพลเรือน ส่งผลให้คดีทุจริตจำนวนมากถูกยกเลิก ทว่าอีก 2 ปีต่อมาศาลสูงสุดกลับมีคำตัดสินว่า การนิรโทษกรรมดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย และสั่งให้รื้อฟื้นคดีฟอกเงินผ่านบัญชีธนาคารในสวิตเซอร์แลนด์ของประธานาธิบดีซาร์ดารีขึ้นมาใหม่
รัฐบาลปากีสถานปฏิเสธที่จะติดต่อทางการสวิตเซอร์แลนด์เพื่อรื้อคดี โดยอ้างว่าซาร์ดารีได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายในฐานะประมุขรัฐ