“แพร่คลิปสยอง” โยนศพศัตรูลงจากตึกต่อหน้าฝูงชนในซีเรีย

เอเอฟพี/เดลิเมล์ - สื่อต่างประเทศแพร่คลิปวิดีโออันน่าสยดสยองที่กลุ่มกบฏโยนศพทหารของฝ่ายรัฐบาลลงจากตึกในเมืองอะเลปโป ได้เพิ่มความกังวลว่าความขัดแย้งในซีเรียกำลังกลายเป็นความรุนแรงที่ลุกลาม ขณะที่องค์กรสิทธิมนุษยชนประณามผู้อยู่เบื้องหลังการกระทำที่น่าสะเทือนใจครั้งนี้

วิดีโอที่ไม่มีการยืนยัน 3 คลิปถูกโพสต์ลงบนเว็บไซต์สังคมออนไลน์เมื่อวันจันทร์ (13) และมันเผยให้เห็นถึงความป่าเถื่อนในเมืองอะเลปโป หนึ่งในนั้นเป็นคลิปศพพนักงานไปรษณีย์ถูกโยนลงจากหลังคา และชายคนหนึ่งถูกมัดมือก่อนโดนมือสังหารเชือดคอซ้ำแล้วซ้ำเล่า

คลิปที่ถ่ายโดยมือสมัครเล่นนี้ปรากฏออกมาขณะที่กองทัพปลดปล่อยซีเรีย (เอฟเอสเอ) อ้างว่าได้สอยเครื่องบินรบลำหนึ่งของรัฐบาลตกใกล้ชายแดนอิรัก แต่สื่อมวลชนแห่งรัฐแถลงว่าเครื่องบินรบลำดังกล่าวประสบอุบัติเหตุสืบเนื่องจากข้อขัดข้องทางเทคนิคระหว่างการฝึกบิน

หนึ่งในวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ได้ยินเสียงชายผู้บันทึกภาพพูดว่า “มีเหล่าวีรชนของเมืองบาบอยู่ภายในสำนักงานไปรษณีย์” จากนั้นก็มีศพถูกโยนลงมาจากหลังคา ขณะที่ฝูงชนที่อยู่ด้านล่างตะโกนว่า “มันคือพวกชาบิฮาห์” อ้างถึงกลุ่มนักรบฝักใฝ่รัฐบาลซีเรีย

ทั้งนี้ สันนิษฐานว่าศพเหล่านั้นน่าจะเป็นร่างไร้วิญญาณของพนักงานไปรษณีย์ แต่ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่และไม่สามารถยืนยันว่าพวกเขาเป็นนักรบของฝ่ายรัฐบาลจริงหรือไม่

ด้านรามี อับเดล เรห์มาน ผู้อำนวยการศูนย์สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรีย ระบุว่า หากวิดีโอดังกล่าวได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นความจริง ก็ขอประณามอย่างรุนแรงต่อผู้อยู่เบื้องหลังการกระทำที่ชั่วร้ายนี้

“ถ้าวิดีโอเหล่านี้ได้รับการยืนยัน พฤติกรรมชั่วร้ายนี้ก็มีแต่จะก่อความเสียหายแก่ฝ่ายปฏิวัติ” เขากล่าว “และมันยังไปสร้างประโยชน์แก่รัฐบาล ผู้ที่เป็นศัตรูของการปฏิวัติอีกด้วย”

ขณะที่ในวิดีโออีกคลิปหนึ่งเป็นภาพของชายคนหนึ่งโดนเอาผ้าผูกตา ก่อนถูกมือสังหารใช้มีดเล็กๆ เฉือนคอหอยซ้ำไปซ้ำมา ขณะที่เลือดของเขากระเด็นกระจายไปทั่วทางเท้า

คลิปวิดีโอชุดใหม่เป็นเหตุการณ์ครั้งล่าสุดในเหตุความขัดแย้งที่กินเวลายาวนานกว่า 17 เดือน ที่ต่างฝ่ายต่างก็กล่าวหากันและกันว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน

ขณะที่การสู้รบในอะเลปโปยังชุลมุน ฝ่ายกบฏขู่ว่าพวกเขาจะเปลี่ยนเมืองใหญ่ที่สุดของซีเรียแห่งนี้เป็นหลุมฝังศพของรัฐบาลนายอัสซาด อย่างไรก็ตาม เหตุรุนแรงที่สาหัสขึ้นเรื่อยๆ ก็ทำให้ประชาชนหลายพันคนตัดสินใจหอบผ้าหอบผ่อนหนีออกจากเมือง เนื่องจากเริ่มขาดแคลนน้ำกับเชื้อเพลิง และจำนวนมากก็ไม่มั่นใจต่อความปลอดภัยในชีวิต