รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-เหตุขัดข้องในระบบจ่ายไฟฟ้าของอินเดียส่งผลให้ประชากรมากกว่า 300 ล้านคนทั้งในกรุงนิวเดลีและพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนเหนือของประเทศไม่มีไฟฟ้าใช้ ถือเป็นเหตุไฟฟ้าดับครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบมากกว่า 1 ทศวรรษของแดนภารตะ และเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความล้าหลังด้านระบบสาธารณูปโภค ทั้งที่อินเดียได้ชื่อว่าเป็นชาติที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ของเอเชียรองจากจีนและญี่ปุ่น
รายงานข่าววันนี้ (30) ระบุว่า กระแสไฟฟ้าในกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของประเทศ รวมถึงในอีก 7 รัฐ เช่น อุตตรประเทศ ราชาสถาน ปันจาบ จัมมู-แคชเมียร์ เริ่มใช้งานไม่ได้ตั้งแต่เมื่อหลังเที่ยงคืนที่ผ่านมา และกระแสไฟฟ้ายังคงดับอยู่ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนในตอนเช้าที่ผ่านมา เป็นเหตุระบบให้บริการรถไฟใต้ดินต้องปิดทำการทำให้เกิดความโกลาหลตามสถานีต่างๆที่มีผู้โดยสารตกค้างจำนวนมาก รวมถึงความวุ่นวายบนท้องถนนในหลายเมืองสืบเนื่องจากสัญญาณไฟจราจรไม่ทำงาน ขณะเดียวกันมีข้อมูลว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างในอินเดีย เนื่องจากในระยะหลังเกิดเหตุลักษณะเช่นนี้บ่อยครั้ง โดยในบางครั้งไฟฟ้าเคยดับนานถึง 8 ชั่วโมงต่อวันมาแล้ว
ปัญหาการขาดแคลนพลังงาน และความล้าหลังด้านสาธารณปูโภค รวมถึง ถนนและเส้นทางรถไฟกำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลอินเดียที่ตั้งเป้าจะนำประเทศของตน ก้าวไปสู่การเป็นชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจชั้นนำของโลก
ด้านสุชิลกุมาร์ ชินเด รัฐมนตรีพลังงานของอินเดียออกมาให้สัมภาษณ์ที่กรุงนิวเดลี โดยเปิดเผยเพียงว่า สาเหตุของการเกิดไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้างครั้งนี้ เกิดจากเหตุขัดข้องบางประการใกล้กับเมืองอักกรา ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “ทัช มาฮาล” อันโด่งดัง แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีพลังงานอินเดียยืนยันว่า ระบบการจ่ายกระแสไฟฟ้าจะเริ่มกลับมาใช้งานได้ตามปกติในช่วงบ่ายของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยโรงพยาบาลและสถานีขนส่งต่างๆจะได้รับการพิจารณาจ่ายไฟฟ้าให้เป็นลำดับแรกๆ